สระแก้ว – ผู้เสียหายและทนายเข้าร้องเรียนเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสถานีตำรวจใน จ.สระแก้ว เข้าจับกุมไม่ชอบด้วยกฎหมาย อ้างเกี่ยวข้องกับยาเสพติด โดยไม่มีหมายค้นและไม่แสดงบัตรประจำตัว ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ พร้อมเรียกรับเงิน 1 แสนบาท แลกอิสรภาพ
เมื่อวันที่ 20 พ.ย.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจาตุภัทร ภาสบุตร ทนายความ เป็นตัวแทนรับว่าความให้กับ นายสุจินธรา ประชุมสุข ผู้เสียหาย ภายหลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แห่งหนึ่ง ในจังหวัดสระแก้ว จับกุมโดยมิชอบ และเรียกรับเงิน 1 แสนบาท เพื่อแลกกับอิสรภาพ โดยผู้เสียหายยื่นขอความเป็นธรรมไปทุกที่สื่อมวลชนและส่งเรื่องให้กับสื่อส่วนกลางลงพื้นที่ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พบข้อมูลว่ากรณีดังกล่าวมีมูลความจริง โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 พ.ย.64 เวลาประมาณ 13.00 น. มีผู้อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่งกายนอกเครื่องแบบ จำนวน 6 นาย บุกเข้าตรวจค้นบ้านของผู้เสียหายโดยไม่มีหมายค้น และไม่แสดงบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมทั้งจับผู้เสียหายใส่กุญแจมือและตรวจค้น ไม่พบยาเสพติดหรือสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด
ทั้งนี้ นายจาตุภัทร ภาสบุตร ทนายความ ให้ข้อมูลว่า ผู้เสียหายถูกนำตัวไปที่ห้องสืบสวนสถานที่ตำรวจและข่มขู่ให้เป็นนกต่อ พร้อมให้หาเคสยาเสพติดให้ได้ 3 เคส ถ้าไม่สามารถหางานให้ได้ ต้องนำเงิน 100,000 บาท มาเพื่อแลกกับอิสรภาพ โดยนายสุจินธนา ผู้เสียหาย บอกว่า ข้าพเจ้าคิดว่าการกระทำดังกล่าวของชุดจับกุมไม่ชอบด้วยกฎหมาย ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ และเป็นการบุกรุกเคหะสถาน รวมถึงริดรอนสิทธิเสรีภาพในร่างกายของผู้เสียหาย รวมทั้งมีการเรียกรับเงินโดยมิชอบด้วยกฎหมาย จึงได้เดินทางไปร้องเรียนต่อผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 เมื่อวันที่ 16 พ.ย.64 เวลา 17.00 หมายเลขรับที่ 311 ขอให้ ผบช.ภาค 2 ดำเนินการสอบสวนคดีนี้โดยเร่งด่วน และดำเนินการลงโทษทางวินัยแก่ชุดจับกุมชุดนี้อย่างถึงที่สุด เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างที่จะทำร้ายประชาชนอีก
สำหรับพฤติการณ์แห่งคดี เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 พ.ย.64 เวลาประมาณ 13.00 น. เหตุเกิดที่บ้านเลข 65 หมู่ 2 ต.วังทอง อ.วังสมบูรณ์ จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นบ้านของบิดาของผู้ร้องเรียน เปิดเป็นร้านขายของชำ ได้มีชายฉกรรจ์ประมาณ 5-6 คน สืบทราบภายหลังว่ากลุ่มชายดังกล่าว มีชื่อเล่นเป็นตัวอักษรว่า อ.อ่าง จ.จาน และ ก.ไก่ ส่วนอีก 3 คนไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 20-25 ปี เข้ามาควบคุมตัวผู้ร้องโดยไม่มีอำนาจตามกฎหมาย และตามไปตรวจค้นพี่ชายผู้ร้องภายในบ้าน แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด ก่อนจะพาตนเองและพี่ชายไปที่สถานีตำรวจ และข่มขู่ว่า อยากกลับบ้านไหม ถ้าอยากกลับให้ไปหาผู้เสพยาเสพติด จำนวน 3 เคส แล้วจะปล่อยตัวกลับบ้าน
อย่างไรก็ตาม ผู้ร้องเรียนรายนี้ ยังบอกด้วยว่า รู้สึกกลัวจึงได้ไปหาผู้เสพยาเสพติดมา ซึ่งหาได้เพียง 1 เคส เพราะเวลานั้นดึกมากแล้ว ชุดจับกุมจึงบอกกับผู้เสียหายว่า ถ้าอย่างนั้น เอาเงินมา 110,0000 บาท ตัวผู้ร้องเรียน 100,000 บาทและพี่ชายอีก 10,000 บาท จึงตอบไปว่า ในตัวมีเงินเพียง 7,000 บาท กลุ่มชายดังกล่าวจึงบอกว่า งั้นเอามา 40,000 บาท ผู้ร้องเรียนจึงโทรให้ทางบ้านโอนเงินมาให้จำนวน 33,000 บาท และให้พี่สะใภ้ไปกดเงินมา และนำเงินให้กับชุดจับกุม จึงได้ส่งมอบภาพเคลื่อนไหวในขณะเกิดเหตุลงในแฟรชไดร์ เพื่อประกอบการร้องเรียนในคดีนี้ เพื่อร้องขอความเป็นธรรมและขอให้ ผบช.ภ.2 ตรวจสอบความประพฤติและลงโทษทางวินัยขั้นเด็ดขาดกับเจ้าพนักงานตำรวจ (สภ.แห่งหนึ่ง)ด้วย
————————–
