สระแก้ว – เจ้าหน้าที่่ทหารพรานฯ กองกำลังบูรพา จับกุมแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชาขณะลักลอบเข้าไทย 19 คน สารภาพไม่มีงานและไม่มีเงินในจ่ายจึงต้องการเข้ามาทำงานในประเทศไทย เสียค่าหัวรายละ 7,500 บาท
เมื่อวันที่ 21 ม.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อมฤต บุญสุยา ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา สั่งการให้เจ้าหน้าที่กองกำลังป้องกันชายแดนในพื้นที่ จ.สระแก้ว ประกอบด้วย ชค.ตชด.12 ,ชค.ทพ.12 และ ชค.ทพ.13 เข้มงวดกวดขันการลักลอบหลบหนีเข้า-ออกประเทศ และป้องกันการทำผิดกฎหมายทุกรูปแบบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยกองร้อยทหารพรานที่ 1305 ชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 13 ร่วมกับ ฉก.ร.12 กกล.บูรพา และหมวดเคลื่อนที่เร็ว ฉก.ร.12 จัดชุดลาดตระเวนเฝ้าตรวจแนวชายแดน เพื่อป้องกันการกระทำผิดกฎหมาย กระทั่ง ตรวจพบแรงงานผิดกฎหมายชาวกัมพูชาพยายามลักลอบเข้ามาฝั่งไทย บริเวณพื้นที่ บ.โนนพัฒนา ม.13 ต.ผ่านศึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว จำนวน 18 คน เป็นชาย 9 คน หญิง 9 คน จึงควบคุมตัวมาสอบสวนอย่างละเอียดเพื่อนำไปสู่การขยายผล ณ ที่ทำการกองร้อยทหารพรานที่ 1305
ทั้งนี้ จากการสอบถามแรงงานทั้งหมด ทราบว่า แรงงานกัมพูชาได้ติดต่อ ชายชาวกัมพูชาไม่ทราบชื่อ โดยเสียค่าใช้จ่ายคนละ 7,500 บาท โดยผู้ประกอบการฝั่งไทยจะเป็นผู้จ่ายให้ก่อน และหักเงินคืนภายหลังจากค่าจ้าง โดยจะไปทำงานรับจ้างก่อสร้าง ในพื้นที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี และแรงงานชาวกัมพูชาบอกว่า ขณะอยู่ที่ประเทศกัมพูชา ไม่มีงานทำและไม่มีเงินในการใช้จ่ายเพื่อดำรงชีพ จึงได้รวมตัวกันเพื่อจะลักลอบเข้ามาทำงานในประเทศไทย แต่มาถูกจับกุมเสียก่อน หลังสอบสวนเจ้าหน้าที่ทหารพรานได้นำตัวแรงงานส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ดำเนินการตามกฎหมายและผลักดันกลับสู่ประเทศต้นทางตามข้อตกลงระหว่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ช่วงเวลาใกล้เคียงกัน เจ้าหน้าที่กองร้อยทหารพรานที่ 1302 และ ฉก.ร.12 สามารถควบคุมตัวผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายชาวกัมพูชาได้เพิ่มเติมอีก จำนวน 1 คน ที่บ้านดงงู ต.ป่าไร่ ซึ่งจากการซักถามทราบว่า ชาวกัมพูชาดังกล่าว เดินทางมาจาก ต.บันตีเนียง อ.อังโกวบะรัย จ.บันเตียเมียนเจย จะมาทำงานรับจ้างทั่วไปใน จ.สระแก้ว โดยลักลอบข้ามแดนตามช่องทางธรรมชาติ จึงได้นำมาซักถามเพิ่มเติมและตรวจสอบในขั้นต้น ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายเป็นปกติ จึงได้นำตัวชาวกัมพูชาดังกล่าวส่งให้ สภ.คลองลึก เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
————————–
ข่าวโดย/อารียา สำราญ ทีมข่าวสระแก้ว
