X

สระแก้ว ศาลสั่งจำคุก 6 เดือนไม่รอลงอาญา สาวกุเรื่องลักพาตัวดูดเลือดในกัมพูชา

สระแก้ว – พนักงานสอบสวน สภ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ส่งตัวผู้ต้องหาสาววัย 25 ปี กุเรื่องลักพาตัวดูดเลือดในกัมพูชา ส่งฟ้องต่อศาลจังหวัดสระแก้ว มีพิพากษาลงโทษจำคุก 6 เดือน ไม่รอลงอาญา

เมื่อวันที่ 19 มี.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีเหยื่อค้ามนุษย์สาววัย 25 ปี ที่เจ้าหน้าบุกเข้าช่วยเหลือ กุเรื่องถูกลักพาตัวดูดเลือดขายในประเทศกัมพูชาเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ซึ่งภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัว น.ส.อารียา คมกระโทก อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาที่รับสารภาพว่า กุเรื่องถูกลักพาตัวดูดเลือดในกัมพูชา ส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย หลังมีการแถลงข่าวที่กรุงเทพมหานคร โดยเจ้าหน้าที่่ตำรวจคุมตัว น.ส.อารียาฯ ผู้ต้องหา จากกรุงเทพฯมาส่งให้กับพนักงานสอบสวน สภ.อรัญประเทศ ตั้งแต่เวลา 23.00 น.วานนี้ ก่อนจะนำตัว น.ส.อารียา ฯ ส่งฟ้องต่อศาลจังหวัดสระแก้วในช่วงสายวันนี้ทันที โดยมี พ.ต.ท.จรูญ ชมชื่น สารวัตร(สอบสวน) สภ.อรัญประเทศ เป็นพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีดังกล่าว

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้พิพากษาศาลจังหวัดสระแก้ว มีคำพิพากษาสั่งลงโทษ น.ส.อารียาฯ กระทำผิดฐาน รู้ว่ามิได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น แจ้งข้อความเท็จแก่พนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาว่าได้มีการกระทำความผิด โดยพิพากษาให้ลงโทษจำคุกเป็นเวลา 1 ปี แต่ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงให้ลงโทษจำคุกเป็นเวลา 6 เดือน โดยไม่รอลงอาญา

ทั้งนี้ กรณีดังกล่าว พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้ประสานงานกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของประเทศกัมพูชา เข้าช่วยเหลือคนไทยที่ถูกบังคับใช้แรงงาน และสามารถพากลับมาประเทศไทยได้สำเร็จจำนวน 8 ราย หนึ่งในนั้นเป็นหญิงสาวที่อ้างว่า ตนได้ถูกกลุ่มคนร้ายชาวจีนในเมืองพระสีหนุ ประเทศกัมพูชา นำตัวไปบังคับถ่ายเลือดจำนวน 3 ถุง ทั้งยังถูกทำร้ายร่างกาย และถูกฉีดยาทำให้สลบ ก่อนได้รับการช่วยเหลือจนกลับสู่ประเทศไทยได้นั้น กรณีดังกล่าวเป็นที่สนใจของประชาชนและสื่อมวลชนเป็นอันมาก เนื่องจากเป็นกรณีที่มีความทารุณโหดร้ายและสะเทือนขวัญ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร และ ผอ.ศพดส.ตร. และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. และรอง ผอ.ศพดส.ตร. ให้ดำเนินการสืบสวนข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าว โดยประสานงานกับ พล.ต.อ.วรรณวีระ สม ผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสันติบาล ประเทศกัมพูชา เพื่อทำให้ข้อเท็จจริงตามกรณีดังกล่าวปรากฏ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ฯ จึงได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.เขมรินทร์ พิศมัย ผกก.ตม.จว.ตราด และหัวหน้าชุดเคลื่อนที่เร็ว ศพดส.ตร. สืบสวนข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าว

ภายหลังจากที่ได้ดำเนินการซักถามและรวบรวมพยานหลักฐานประกอบคำให้การแล้ว ข้อเท็จจริงปรากฎว่า ผู้เสียหายในกรณีนี้ คือ น.ส.อารียา คมกระโทก อายุ 25 ปี รับสารภาพว่า ตนกับแฟนได้เดินทางไปทำงานที่เมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา ตั้งแต่ประมาณต้นปี 2564 โดยทำงานหลอกคนไทยให้ลงทุนในธุรกิจที่ไม่มีอยู่จริง ก่อนที่ตนจะแยกกับแฟน ย้ายไปทำงานอีกจุดหนึ่งในเมืองปอยเปต ด้วยความเป็นห่วงแฟน ช่วงประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ตนจึงได้แจ้งขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้าไปช่วยแฟนของตน จากที่ทำงานจุดเดิมเพื่อกลับประเทศไทย หลังจากทราบว่าแฟนของตนได้รับความช่วยเหลือแล้ว ตนจึงตั้งใจที่จะกลับประเทศไทย โดยตนกลัวว่า จะไม่ได้รับการช่วยเหลือในทันที ตนจึงได้สร้างเรื่องดังกล่าวขึ้น โดยการสร้างตัวละครหญิงไทยชื่อ เนม ขึ้นพร้อมกับสร้างบัญชีเฟซบุ๊กให้ตัวละครดังกล่าว แล้วทำการแชทไปคุยกับแฟนตนเองโดยใช้บัญชีดังกล่าวว่า หญิงไทยที่ชื่อเนมนี้ เป็นคนไทยที่ทำงานที่ร้านอาหารไทยในเมืองพระสีหนุ และได้รับการขอความช่วยเหลือจาก น.ส.อารียาฯ อยากให้แฟนของตนช่วยประสานตำรวจให้เข้าช่วยเหลือตน

อย่างไรก็ตาม น.ส.อารียาฯ ก็ได้สร้างเรื่องต่อว่า ตนถูกย้ายไปหลาย ๆ ที่และถูกกลุ่มคนร้ายชาวจีนถ่ายเลือด ทำร้ายร่างกาย ก่อนที่จะได้หญิงไทยที่ชื่อเนมนี้ เข้าช่วยเหลือ และนำตัวมาส่งที่ชายแดนปอยเปต แล้วอยากให้ตำรวจมารับตน ซึ่งแท้จริงแล้ว ระหว่างที่สร้างเรื่องนั้น น.ส.อารียาฯ ยังคงทำงานหลอกลวงคนไทยอยู่ที่เมืองปอยเปต ก่อนจะเดินทางมาที่ด่านอรัญประเทศ เพื่อขอความช่วยเหลือเพื่อกลับประเทศไทย กระทั่งถูกดำเนินคดีดังกล่าว

—————————

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

Picture of ธนภัท กิจจาโกศล

ธนภัท กิจจาโกศล

"ธนภัท กิจจาโกศล" ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สระแก้ว "ประสบการณ์ยาวนานกับงานสื่อสารมวลชนระดับประเทศ ในกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ จับงานด้านข่าว สกู๊ปและรายงานพิเศษ กว่า 22 ปี มุ่งสื่อสารความจริงและข่าวสารที่เป็นธรรม สู่ประชาชนในภูมิภาค ด้วยจรรยาบรรณของฐานันดรที่ 4 เพื่อสร้างความโปร่งใสการรับรู้ข่าวสารของสังคม"