X

จับกุมผู้ต้องหาคดีลักคอมเพรสเซอร์แอร์ของบริษัท เอไอเอส จ.สระแก้ว

สระแก้ว – ตำรวจ สภ.คลองหาด จ.สระแก้ว จับกุมผู้ต้องหาคดีลักคอมเพรสเซอร์แอร์ ของบริษัทเอไอเอสฯ รับสารภาพก่อเหตุในพื้นที่ 4 สถานีตำรวจ

เมื่อเวลา 15.30 น.วันที่ 24 ส.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.ณัฐพงษ์ สัตยานุรักษ์ ผบก.ภ.จว.สระแก้ว พร้อมด้วย พ.ต.อ.นิวัฒน์ชัย สุขธยารักษ์ ผกก.สภ.คลองหาด ,พ.ต.ท.มงคล ประไพ สว.สส. สภ.คลองหาด ร่วมกันแถลงข่าวที่บริเวณด้านหน้า สภ.คลองหาด อ.คลองหาด จ.สระแก้ว โดยมีตัวแทนของบริษัทเอไอเอส ภายหลังจับกุมผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์คอมเพรสเซอร์แอร์ของบริษัทไป พร้อมของกลางจำนวนมาก ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 ส.ค.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ คลองหาด ได้รับแจ้งว่า ว่ามีเหตุลักทรัพย์ คอมเพรสเซอร์และคอยร้อนแอร์ จำนวน 4 ตัว ที่บริเวณ หมู่ที่ 7 ต. คลองหาด อ คลองหาด จ. สระแก้ว หลังชุดสืบสวน สภ.คลองหาด ร่วมกับพนักงานสอบสวน ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นเสาส่งสัญญาณของบริษัทแอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ท เวอร์ค จำกัด และมีร่องรอยพบร่องรอยการตัดกุญแจประตูเข้าไป แล้วถอดเอาคอยร้อนแอร์ ซึ่งอยู่บริเวณไต้เสาส่งสัญญาณ จำนวน 4 ตัว หายไป ความเสียหายรวมมูลค่า 180,000 บาท ชุดสืบสวนจึงได้ออกสืบสวนและตรวจสอบกล้อง CCTV และกล้องวงจรปิดตามเส้นทาง จนพบรถต้องสงสัยที่ใช้ก่อเหตุ วิ่งออกจากเสาส่งสัญญาณของบริษัทแอดวานซ์ ไวเลส เน็ทเวอร์ค จำกัด ที่บริเวณหมู่ที่ 7 ต.คลองหาด อ.คลองหาด จ.สระแก้ว มุ่งหน้าไปทางเส้นทางวัฒนานคร และได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ เอไอ เอส ว่า ได้ถ่ายภาพรถต้องสงสัยไว้ได้ พร้อมหมายเลขทะเบียนรถ จนนำไปสู่การติดตามจับกุม

ทั้งนี้ เมื่อเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ตรวจสอบทะเบียนรถที่ก่อเหตุ พบว่า มี น.ส.ธัญสุดา ไถจตุรัส อยู่บ้านเลขที่ 92 หมู่ 5 ต.เบญจขร อ.คลองหาด จ.สระแก้ว เป็นผู้ครอบครองรถยนต์คันดังกล่าว ชุดสืบสวน สภ.คลองหาด จึงได้ทำการตรวจสอบประวัติบุคคลที่มีพฤติกรรมลักทรัพย์ในพื้นที่ พบว่า ผู้ต้องสงสัยที่มีประวัติลักทรัพย์ในพื้นที่ จำนวน 1 ราย คือ นายสมพงษ์ เสือดี อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 92 หมู่ 5 ต.เบญจขร อ.คลองหาด จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นสามีของ น.ส.ธัญสุดาฯ เป็นผู้ใช้รถคันดังกล่าวก่อเหตุลักทรัพย์และถูกจับกุมในข้อหาลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.64 ขณะนี้อยู่ระหว่างประกันตัวสู้คดี จึงได้ทำการสืบสวนติดตามพฤติกรรมการใช้รถ ได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า รถที่ผู้ต้องหาใช้อยู่มีลักษณะตรงกันกับภาพวงจรปิด ต่อมา วันที่ 23 ส.ค.65 ชุดสืบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อออกหมายค้นบ้านที่ผู้ต้องสงสัยอาศัยอยู่ และได้เข้าค้นบ้านในวันเดียวกัน ผลการตรวจค้นปรากฏว่า พบรถยนต์กระบะยี่ห้อ โตโยต้า รุ่นไมตี้เอ็กซ์ สีเขียว ติดแผ่นป้ายหมายเลขทะเบียน บม-2766 สระแก้ว จำนวน 1 คัน พร้อมด้วย คอมแอร์คอล์ยร้อนยี่ห้อ York จำนวน 2 ตัว , ท่อร้อน ท่อเย็น จำนวน 3 ท่อ ,สายไฟขนาดต่าง ๆ จำนวน 1 ม้วน ,หน้ากากแอร์ จำนวน 4 ชิ้น , ผ้าใบลายฟ้า-ขาว จำนวน 1 ผืน ,เลื่อยตัดเหล็ก จำนวน 1 อัน และประแจ หรือคีมล็อก จำนวน 1 ชิ้น

พล.ต.ต.ณัฐพงษ์ สัตยานุรักษ์ ผบก.ภ.จว.สระแก้ว เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้นำตัว นายสมพงษ์ เสือดี อายุ 40 ปี ผู้ต้องหา มาสอบสวนเพิ่มเติม โดยนายสมพงษ์ฯ ให้การว่า ได้แยกชิ้นส่วนคอมแอร์หรือคอล์ยร้อนออกจากกัน แล้วนำคอมเพรสเซอร์แอร์ จำนวน 2 ตัว ไปขายต่อที่ร้านรับซื้อของเก่า หมู่ 10 ต.คลองหาด เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้ไปตรวจสอบที่ร้านรับซื้อของเก่าดังกล่าว เมื่อไปถึงพบคอมเพรสเซอร์แอร์ จำนวน 2 ตัว และได้ตรวจสอบหมายเลขซีเรียลนัมเบอร์คอมเพลสเซอร์แอร์ ปรากฏว่า มีหมายเลขตรงกันกับเอกสารของเจ้าหน้าที่ เอไอเอส จำนวน 1 ตัว ยืนยันว่า เป็นคอมเพรสเชอร์ที่หายไปจากเสาส่งสัญญาณพื้นที่ หมู่ 7 ต.คลองหาด ซึ่งจากการสอบสวน นายสมพงษ์ ให้การยอบรับว่า ได้ไปทำการลักทรัพย์ในลักษณะเดียวกัน ในพื้นที่ต่าง ๆ ในจังหวัดสระแก้ว อีกหลายจุด ซึ่งเจ้าหน้าที่เอไอเอส แจ้งว่า มีการก่อเหตุในพื้นที่ 4 สถานีตำรวจ ประกอบด้วย พื้นที่ สภ.คลองหาด 4 ตัว, พื้นที่ สภ.คลองน้ำใส 2 ตัว, พื้นที่ สภ.วังน้ำเย็น 2 ตัว และพื้นที่ สภ.วัฒนานคร 1 ตัว ขณะนี้สามารถตรวจยึดของกลางมาได้แล้ว 4 ตัว ที่เหลือยังไม่พบของกลาง ซึ่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองหาด ได้แจ้งข้อกล่าวหา ลักทรัพย์หรือรับของโจรฯ แก่นายสมพงษ์ เสือดี และนำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมจะขยายผลการสอบสวนต่อไป

—————————

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

Picture of ธนภัท กิจจาโกศล

ธนภัท กิจจาโกศล

"ธนภัท กิจจาโกศล" ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สระแก้ว "ประสบการณ์ยาวนานกับงานสื่อสารมวลชนระดับประเทศ ในกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ จับงานด้านข่าว สกู๊ปและรายงานพิเศษ กว่า 22 ปี มุ่งสื่อสารความจริงและข่าวสารที่เป็นธรรม สู่ประชาชนในภูมิภาค ด้วยจรรยาบรรณของฐานันดรที่ 4 เพื่อสร้างความโปร่งใสการรับรู้ข่าวสารของสังคม"