X

โผพลิก!! เลือกประธานสภา อบจ.สระแก้ว “เทียนทอง”มาวินคุมสภา สมาชิกกว่าครึ่งวอร์คเอ้าท์ยุติการประชุม

สระแก้ว – การเมืองท้องถิ่นระอุ การประชุมสภา อบจ.สระแก้ว วาระเร่งด่วนเพื่อเลือกประธานสภา อบจ.สระแก้ว แทนอดีต สจ.เปิ้ล และตำแหน่งที่ว่าง ปรากฏว่า “สนธิเดช เทียนทอง” มาวินคุมสภาฯ ส่งผลให้สมาชิกขั้วเก่ากว่าครึ่งวอร์คเอ้าท์ไม่เข้าร่วมประชุม ส่งผลให้สภาต้องยุติประชุมยุติกลางครัน

เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 22 ก.พ.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสระแก้ว ชั้น 3 ต.ท่าเกษม อ.เมือง จ.สระแก้ว ทางสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสระแก้ว ได้จัดให้มีการประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสระแก้ว สมัยวิสามัญ สมัยที่ 1 ประจำปี พ.ศ.2566 เพื่อเลือกตั้งประธานสภา อบจ.สระแก้ว แทนนางดรุณี พูนประสิทธิ์ หรือ สจ.เปิ้ล อดีตประธานสภาฯ ที่ยื่นลาออกจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2566 รวมทั้ง นายสมบัติ สุริยันต์ รองประธานสภาฯ ได้ยื่นใบลาออกจากรองประธานฯ เช่นกัน โดย ร.อ.ทองทศ มากสาคร รองประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด ปฏิบัติหน้าที่ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสระแก้ว จึงลงนามให้มีการจัดการประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสระแก้ว เพื่อถือปฏิบัติให้เป็นไปตามมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ.2540 และแก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2562 ซึ่งการเลือกตั้งประธานสภา อบจ.สระแก้ว และ รองประธานสภา อบจ.สระแก้ว แทนตำแหน่งที่ว่างลงดังกล่าว มีแคนดิเดทประธานสภาฯ ที่มีการเสนอ 2 คน ประกอบด้วย นายสมบัติ สุริยันต์ สจ.เขต อ.วังน้ำเย็น และนายสนธิเดช เทียนทอง สจ.เขต อ.วัฒนานคร

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังมีการเปิดประชุมสภาและประธานในที่ประชุม แจ้งวาระเพื่อทราบ กระทั่งเข้าสู่วาระการเลือกประธานสภา อบจ.สระแก้ว ซึ่ง น.ส.กัญญาภัทร ศิริวุฒิญาดา สจ.เขต อ.คลองหาด ได้เสนอชื่อ นายสมบัติ สุริยันต์ จับได้หมายเลข 1 ส่วนนายสรพงษ์ สีสังวาลย์ ได้เสนอชื่อ นายสนธิเดช เทียนทอง จับได้หมายเลข 2 และให้สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสระแก้ว ซึ่งเข้าร่วมประชุมทั้งหมด 28 คน จากสมาชิก สจ.ทั้งหมด 30 คน ซึ่งมีลาป่วย 1 คน และลาออก 1 คน โดยมีการลงคะแนนลับที่คูหากลางห้องประชุมทีละคน ปรากฏว่า หลังการนับคะแนนเสร็จสิ้น นายสมบัติ สุริยันต์ เบอร์ 1 ได้ 12 คะแนน ,นายสนธิเดช เทียนทอง เบอร์ 2 ได้ 15 คะแนน บัตรเสีย 1 ใบ ทำให้นายสนธิเดชฯ ชนะการเลือกตั้งจาก สจ. ได้เป็นประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสระแก้วคนใหม่

ทางด้าน ร.อ.ทองทศ มากสาคร รองประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสระแก้ว ปฏิบัติหน้าที่ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสระแก้วในขณะนั้น จึงสั่งให้มีการพักเบรกการประชุมไว้ก่อน 20 นาที ปรากฏว่า หลังครบเวลาดังกล่าว สมาชิก สจ.ส่วนหนึ่งไม่เข้าร่วมประชุมต่อและสมาชิกบางส่วนที่อยู่ในห้องประชุมได้เดินออกจากห้องประชุมไป ไม่ร่วมประชุมต่อ มีเพียง สจ.กลุ่มที่สนับสนุนนายสนธิเดช จำนวน 13 คน อยู่ภายในห้องประชุม เมื่อนายสนธิเดชฯ ขึ้นทำหน้าที่ประธานสภา อบจ.สระแก้ว จึงไม่สามารถดำเนินการจัดการประชุมในวาระต่อไปได้ เนื่องจากมีสมาชิกไม่ครบองค์ประชุม จำเป็นต้องสั่งให้ยุติการประชุมไปก่อน

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสภา อบจ.สระแก้ว วาระดังกล่าว เพื่อคัดเลือกประธานสภาฯ แทน สจ.เปิ้ล นางดรุณี พูนประสิทธิ์ ที่ลาออกไปเพื่อลงสนามเลือกตั้ง ส.ส.สระแก้ว เขต 1 ในนามพรรคภูมิใจไทย ซึ่งทางกลุ่ม สจ.กลุ่มที่สนับสนุนได้วางตัวให้ นายสมบัติ สุริยันต์ ขึ้นเป็นประธานสภาฯ ต่อจาก สจ.เปิ้ล รวมทั้งได้มีการซักซ้อมเสียง สจ.ในทีมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งช่วงระหว่างก่อนวันประชุมทางนักการเมืองในพื้นที่ ได้พยายามโทรหา สจ.และบุคคลต่าง ๆ อีกหลายคน เพื่อลอบบี้ให้มีการเลือกอีกฝ่าย กระทั่ง มีข่าวแพร่สะพัดในกลุ่ม สจ.ว่า มีการเพิ่มตัวเลขจากหลักหมื่นเป็นหลักแสนบาทในวันก่อนลงคะแนน ส่งผลทำให้คะแนนการเลือกตั้งประธานสภาฯ พลิกโผดังกล่าว เป็นเหตุทำให้กลุ่ม สจ.บางส่วน มีการวอร์คเอ้าท์ไม่เข้าประชุมสภาฯต่อ ภายหลังมีการเลือกตั้งประธานสภาฯเสร็จสิ้น ซึ่งหมายความว่า หากการเลือกตั้งนายก อบจ.เป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดหมายไว้ กลุ่ม “เทียนทอง” จะสามารถเข้าคุมสภาฯและฝ่ายบริหาร อบจ.ได้แบบเบ็ดเสร็จทันที

————————–
ภาพโดย/เด่นชัย วิสุทธิ์วุฒิพงษ์ ทีมข่าวสระแก้ว

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

Picture of ธนภัท กิจจาโกศล

ธนภัท กิจจาโกศล

"ธนภัท กิจจาโกศล" ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สระแก้ว "ประสบการณ์ยาวนานกับงานสื่อสารมวลชนระดับประเทศ ในกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ จับงานด้านข่าว สกู๊ปและรายงานพิเศษ กว่า 22 ปี มุ่งสื่อสารความจริงและข่าวสารที่เป็นธรรม สู่ประชาชนในภูมิภาค ด้วยจรรยาบรรณของฐานันดรที่ 4 เพื่อสร้างความโปร่งใสการรับรู้ข่าวสารของสังคม"