สระแก้ว – ผู้เดือดร้อนจากปัญหาที่ดินในพื้นที่ จ.สระแก้ว ที่ถูกกีดกันปิดกั้นเส้นทางไม่ให้เข้าไปรังวัดและทำกินในที่ดินบรรพบุรุษ บริเวณบ้านน้อยป่าไร่ พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ พร้อมเรียกร้องต้องการให้นักการเมืองที่จะเข้าสู่สภาในการเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค.นี้ นำปัญหานี้เข้าสู่สภา เพื่อแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ
เมื่อวันที่ 26 เม.ย.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีเจ้าหน้าที่ทหารพรานทำการปิดกั้นเส้นทาง ที่บริเวณด้านหน้ากองร้อยทหารพรานที่ 1305 กรมทหารพรานที่ 13 พื้นที่หมู่ 8 บ้านป่าไร่ใหม่ ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ไม่ให้ชาวบ้าน ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินเอกสารสิทธิ์ใบจอง น.ส.2 ของบรรพบุรุษบ้านน้อยป่าไร่ เข้าไปทำกินและตรวจสอบการรังวัดเขตที่ดิน โดยเฉพาะกรณีของ นางกันจณา สมมล ซึ่งได้รับการรับรองว่า มีเอกสารถูกต้อง จากหน่วยงานราชการ และเมื่อช่วงเดือน ก.พ.66 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กรมที่ดินสาขาอรัญประเทศ พร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าพื้นที่เพื่อทำการตรวจสอบแนวเขตออกโฉนดในที่ดิน บริเวณฝั่งตะวันออกของถนนศรีเพ็ญ ห่างจากเส้น Mou43 ประมาณ 500 เมตร ซึ่งทหารอนุญาตให้เฉพาะเจ้าหน้าที่ที่ดินและชาวบ้านจำนวนหนึ่ง เข้าไปในพื้นที่ เพื่อดำเนินการรังวัด แต่ไม่สามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จ โดยรังวัดได้เพียง 1 จุด หรือ 1 หลักหมุดเท่านั้น ส่วนเส้นทางถนนศรีเพ็ญ ทางหลวงแผ่นดินตั้งแต่ด้านหน้ากองร้อยทหารพรานที่ 1305 ไปจนถึงแนวที่ดินที่ชาวบ้านอ้างสิทธิ์ ถูกปิดเส้นทางไม่ให้มีการเข้า-ออก นานเกือบ 3 เดือน อ้างว่า ไม่ปลอดภัยและไม่อนุญาตรถยนต์ให้เข้าพื้นที่ สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่สัญจรไปมาจนถึงปัจจุบัน
ทั้งนี้ กรณีดังกล่าว นางกันจณา สามล ได้เดินทางไปแจ้งความไว้กับพนักงานสอบสวน สภ.คลองลึก เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับ ตชด.911 กัมพูชา นำโดย ร้อยเอกเจมส์ กับพวก รวมจำนวนประมาณ 50 นาย โดยกล่าวหาว่า กระทำความผิดฐาน”บุกรุกและขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานที่ดิน” และแจ้งความ มาตรา 157 กับเจ้าหน้าที่ทหารพราน ทพ.13 เป็นคดีอาญาที่ 91/2566 เหตุเกิด พื้นที่ดินใบจอง (นส.2 ก) หมู่ที่ 8 บ้านป่าไร่ใหม่ ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ปัจจุบันคดียังไม่คืบหน้าเช่นกัน กระทั่ง รัฐบาลประกาศยุบสภาและเตรียมจัดให้มีการเลือกตั้งขึ้นในวันที่ 14 พ.ค.นี้ ทางชาวบ้านที่ประสบปัญหาดังกล่าว จึงเรียกร้องให้นักการเมืองผลักดันนโยบายเพื่อแก้ปัญหาที่ดินให้กับชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.สระแก้ว อย่างเป็นระบบ
ข่าวน่าสนใจ:
นางกันจณา สามล อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10 ม.3 ต.ท่าข้าม อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เจ้าของที่ดินผู้เดือดร้อน เปิดเผยว่า การแก้ปัญหาที่ดินของตนเองที่ผ่านมา ทางที่ดินสามารถเข้าไปรังวัด เมื่อวันที่ 10 ก.พ.66 ได้เพียงหมุดเดียว มีเขมรเข้ามาและทหารมาบล็อคไว้ไม่ให้เข้าไป โดยเข้าได้เฉพาะคนที่เกี่ยวข้อง พื้นที่ตรงนี้พยายามที่จะดำเนินการทำเอกสารมานานแล้วตั้งแต่บรรพบุรุษ แล้วได้ผ่านคณะกรรมการตรวจสอบจากผู้ว่าราชการจังหวัด ให้สามารถเข้าไปตรวจสอบและดำเนินการรังวัดได้ แต่เกิดปัญหามีทหารไทยบล๊อคทางปิดกั้นไม่ให้ชาวบ้านเข้าพื้นที่ ส่วนทหารเขมรก็ไม่ให้เข้า อ้างว่า ความมั่นคง จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยแก้ปัญหาตรงนี้ ซึ่งภายหลังมีการเลือกตั้ง ส.ส.ก็อยากให้ตัวแทนของเราไปทำหน้าที่แก้ไขปัญหาตรงนี้ ให้ชาวบ้านได้โฉนดที่ดิน ในที่ดินของตัวเองโดยเร็ว เพราะนานแล้ว ตั้งแต่สมัยรุ่นปู่รุ่นย่า เสียไป 1 รุ่นแล้ว ตอนนี้เป็นรุ่นลูก อยากให้ได้เอกสารสิทธิ์ให้ลูกให้หลานต่อไป
“ที่ผ่านมาชาวบ้านได้รวมตัวเพื่อนำปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ ไปยื่นที่รัฐสภา 2 ครั้งแล้ว ตอนนี้ก็ยังไม่คืบหน้า อยากให้พรรคการเมืองนำปัญหานี้ไปดำเนินการโดยเร็ว เพราะมันนานแล้ว อยากให้มาดูแลพี่น้องที่อยู่ชายแดน ให้ได้ออกโฉนดโดยเร็วด้วยค่ะ “นางกันจณา กล่าว
นายวาสนา รัศมี อายุ 56 ปี ที่อยู่ 140 ม.3 ต.ท้าข้าม อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว หนึ่งในกลุ่มเจ้าของที่ดิน บอกว่า ชาวบ้านได้ประสานงานไปยังกรมการปกครองและที่ดิน เพื่อประสานงานจนสามารถได้รับการรับรองว่า เป็นผู้ถือเอกสารสิทธิ์ตัวจริงก่อนการประกาศเขตป่า ที่ผ่านมาก็มีการไปร้องถึง ส.ส.ในเขตพื้นที่เรา เค้าก็บอกว่า เค้าไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง จนมีการร้องเรียนไปที่ อ.วีระ สมความคิดฯ ทำเอกสารไปว่า เราไปทุกหน่วยแล้ว เราถูกกีดกันตลอดไม่ให้เข้าไปในพื้นที่ อ้างว่า เป็นที่ไม่ปลอดภัยบ้าง อ้างเป็นพื้นที่เขตแดนยังมีปัญหาเรื่องเสาเขตแดนบ้าง หลักหมุดบ้าง ร้องไปถึงผู้ว่าฯ ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบสิทธิ์ คนที่มีสิทธิ์มีเอกสาร น.ส.2 ก็ได้รับการรับรองว่า 5 ราย เป็นเจ้าของตัวจริง ก็จะเข้าไปทำกินให้ได้ตามหลักเกณฑ์คือ 70% ของพื้นที่ เพื่อรังวัดขอออกโฉนด แต่นี่เราทำกินแล้ว เราก็ยื่นออกรังวัด
นายวาสนา กล่าวอีกว่า วันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา เราก็จะเข้าไปรังวัด เจ้าหน้าที่ทหารเข้ามาบอกว่า จะดูแลความปลอดภัยให้เรา ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าไปรังวัด เช่น ฝ่ายปกครอง ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน นายอำเภอ ที่ดิน ป่าไม้ ซึ่งป่าไม้ก็เข้าไปรับทราบว่า ที่ดินตรงนี้ผ่านการพิสูจน์แล้วว่า มีเอกสารสิทธิ์ น.ส.2 เมื่อปี 2504 ก่อนการประกาศเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาฉกรรจ์ฝั่งเหนือ เมื่อปี 2507 แต่ไม่ได้ทำกินต่อเนื่องอันเนื่องมาจากภัยสงครามกัมพูชา จึงต้องออกมาจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัยก่อน กระทั่งมีปัญหาจนถึงทุกวันนี้ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทหารไม่ยอมให้เข้าไปเลย ไม่รู้เหตุผลอันใด บางทีเราเอาเหตุผลว่า ทุกหน่วยงานอนุญาตแล้ว เจ้าหน้าที่ที่ดินไปปฏิบัติหน้าที่ก็โดนเจ้าหน้าที่ ตชด.เขมรมาขับไล่เรา แต่เจ้าหน้าที่ทหารเราก็ไม่ได้ผลักดันอะไรเลย ปล่อยให้เขากระทำกับเรา ให้เราถอยอย่างเดียว ให้กลับบ้านอย่างเดียว แล้วมันเป็นพื้นที่ประเทศไทยเรา อยู่หลังเส้น MOU43 ด้วยซ้ำ เราลงถนนศรีเพ็ญทหารก็จะไม่ให้ชาวบ้านลงไปทุกวันนี้ กระทั่ง มีการปิดถนนศรีเพ็ญช่วงบริเวณนั้นไม่ให้มีการสัญจรผ่านด้วยซ้ำ
“นี่คือปัญหา อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส.ส.หรือรัฐบาลต่อไป ผมอยากให้มาดูประชาชนบ้างว่า แนวชายแดนมันเกิดปัญหาตลอด ตั้งแต่บุรีรัมย์ จันทบุรี สระแก้ว มีปัญหาตลอด เพราะเจ้าหน้าที่ไทยเราเหมือนไม่ใส่ใจดูแลแผนดินเรา แต่เจ้าหน้าที่รอบข้างโดยเฉพาะเขมร มันพยายามจะเข้ามา เอาประชาชนบุกรุกเข้ามาทำกิน มาอยู่แบบมั่นคงถาวรจนติดประชิดเส้น MOU โดยมีเจ้าหน้าที่เขามาดูแลความปลอดภัย แต่ของเรากลับว่า ห้ามประชาชนเข้าไปในพื้นที่ของเรา อยากให้พรรคการเมืองเข้ามาแก้ปัญหาตรงนี้ เพราะว่า อย่างน้อยขอเอาตรงนี้เข้าไปในสภาฯ ไปให้ความสำคัญกับราษฎรที่อยู่ตามแนวชายแดน แต่ก่อนรบกันชาวบ้านที่อยู่แนวชายแดน ตำรวจทหารมาแค่มาปฏิบัติหน้าที่ แต่ชาวบ้านเป็นรั้วของชาติ ผมเกิดอยู่นี่ผมไม่เคยหนี ผมยังอยู่ทุกวันนี้ ตั้งแต่รบกัน ญาติพี่น้องเสียชีวิตไปไม่รู้เท่าไหร่ เจ้าหน้าที่ทหารก็ตายเยอะแต่ชาวบ้านก็ยังอยู่ แผนดินนี้เป็นที่เราเกิด เอาอาศัย เราทิ้งไปไม่ได้ อยากให้ ส.ส.สระแก้ว เอาเรื่องนี้เข้าไปในสภาไปพิจารณาสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาดูแล ตรวจสอบข้อเท็จจริง ชาวบ้านไม่โกหกอยู่แล้ว ชาวบ้านปกป้องสิทธิ์ของตัวเองอย่างเดียว หนีไม่ได้เพราะหนีเราก็ไม่มีที่อาศัย เพราะเราเคยอยู่นี่ เกิดนี่ กินนี่ เราจะไปไหน เราก็ต้องปกป้องมรดกของบรรพบุรุษที่ทำไว้ให้พวกเรา เราก็ต้องอยู่ เราก็ต้องทำกิน รักษาไว้จนรุ่นลูกรุ่นหลาน” นายวาสนา ระบุ
ขณะเดียวกัน นายสุพจน์ เขียนโพธิ์ ผู้ใหญ่บ้าน ม.8 บ้านป่าไร่ใหม่ ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว พื้นที่เกิดปัญหาดังกล่าว กล่าวว่า ปัญหาที่ดินตามแนวตะเข็บชายแดนหน้าถนนศรีเพ็ญ ต.ป่าไร่ โดยชาวบ้านมีใบจอง น.ส.2 ก่อนปี พ.ศ.2504-2506 ถูกต้องตามกฎหมาย แต่เนื่องจากเกิดภัยสงครามเมื่อปี 2520 เป็นต้นมา ชาวบ้านก็ได้อพยพหนีภัยสงครามออกมานอกพื้นที่ บริเวณบ้านน้อยป่าไร่ เมื่อปัญหาภัยสงครามจบ ชาวบ้านก็เรียกร้องสิทธิ์เข้าไปทำกินเหมือนเดิม แต่พื้นที่ตรงนั้นบริเวณหน้าถนนศรีเพ็ญ ก็มีข้อพิพาทกันอยู่ระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อเข้าไปรังวัดแล้ว เจ้าหน้าที่ที่ดินก็เข้าไปโดยถูกต้องตามกฎหมาย มีคณะกรรมการที่ทางจังหวัดแต่งตั้งขึ้นมา เพื่อตรวจสอบสิทธิ์ใบจอง น.ส.2 จริงหรือไม่ ซึ่งคณะกรรมการจังหวัดที่แต่งตั้งขึ้นโดยมีนายอำเภอเป็นประธานนั้น ก็ตรวจสอบแล้วเป็นของจริง ดังนั้น เจ้าของที่ดินจึงไปดำเนินการต่อโดยให้เจ้าหน้าที่ที่ดินมาออกรังวัด ตั้งแต่เมื่อช่วงปลายปี 2565 และต้นปี 2566 แต่ไม่สามารถจะเข้าไปได้ เนื่องจากพื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ เขาฉกรรจ์ฝั่งเหนือ ที่ประกาศเมื่อปี 2507 และเป็นพื้นที่ที่ทหารขอใช้มานาน 30 ปีและใช้กฎอัยการศึก ซึ่งหมดสัญญามาเกือบ 2 ปี แต่เมื่อเข้าไปรังวัดก็โดนกีดกันจากหน่วยงานรัฐ และฝั่งประเทศเพื่อนบ้านก็คิดว่าเป็นพื้นที่ของเค้า ก็เลยมาไล่พวกเรา ไม่ให้เข้าไปรังวัด จึงเกิดปัญหาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วจนถึงปัจจุบัน ทางทหารก็ใช้วิธีปิดช่องตรงนั้นไม่ให้ชาวบ้านได้เข้าไปอีกเลยตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ.66
“ผมก็อยากให้ทางเจ้าหน้าที่ได้ช่วยดูแลพี่น้องประชาชนด้วย เพราะว่า เขามีใบจอง น.ส.2 ถูกต้องตามกฎหมาย และอีกอย่างก็เป็นพื้นที่ของแผนดินไทยด้วย ก็ขอฝากนักการเมืองที่จะเป็นตัวแทนของพี่น้องในเขต 3 สระแก้ว อยากจะฝากท่านไว้ด้วยว่า ให้ลงมาดูพี่น้องเราด้วย และที่สำคัญก็อยากให้มีการออกกฎหมายหรือการแก้กฎหมายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแก้เรื่อง พ.ร.บ.ป่าไม้ โดยเฉพาะพื้นที่ของ ต.ป่าไร่ ยังอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ม.2 ,ม.3 ,ม.8 ,ม.9 เป็นพื้นที่ที่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ แต่ตอนนี้ทางกรมการปกครองหรือกระทรวงมหาดไทย ก็ได้แต่งตั้งเป็นหมู่บ้าน มีหน่วยงานราชการหรือเทศบาล มาตั้งอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนฯ กลายเป็นปัญหาว่า ตอนนี้เราบุกรุกป่า หรือป่าบุกรุกเรา จึงอยากให้แก้กฎหมายทั้งระบบ ในเรื่องคนอยู่ก่อนป่าหรือไม่ใช่พื้นที่ป่าแล้ว อยากให้สำรวจและจัดการให้ตรงกับความเป็นจริง และออกเอกสารสิทธิ์ให้กับพวกเรา ไม่ว่าจะเป็น สปก.เพื่อให้สามารถเอาไปต่อยอดที่จะนำไปบริหารจัดการเพิ่มได้ สามารถเข้าธนาคารได้ แต่ตอนนี้เป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ พื้นที่ ภบท.5 แม้จะยกเลิกไปแล้ว เพื่อพัฒนาในสิ่งที่ดีขึ้นได้ให้กับชุมชนเราหรือชาวบ้านคนที่ครอบครองอยู่ จึงอยากจะฝากท่าน ส.ส.ได้ช่วยแก้กฎหมายต่าง ๆ และเข้ามาดูแลพี่น้องอย่างจริงจัง” ผู้ใหญ่บ้าน ม.8 กล่าวและว่า
ไม่ใช่ว่า ปัญหาที่ดินจะมีแค่ตรงพื้นที่ป่าไร่ จ.สระแก้ว ขอฝากทั้งประเทศ ส่วนการหาเสียงของผู้สมัคร ส.ส.พรรคต่าง ๆ นั้น อยากฝากทุก ๆ พรรคได้ลงมาหาเสียงเอานโยบายดี ๆ มาบอกพี่น้องเราด้วย อยากให้ทุก ๆ พรรคและตัวแทนของแต่ละพรรคที่มีจิตอาสา อยากให้นำกฎหมายหรือการออกกฎหมายมาดูแลพวกเราอย่างจริงจัง สำหรับบริเวณจุดที่เกิดปัญหาในพื้นที่ ต.ป่าไร่ ปัจจุบันพื้นที่ตรงนั้น ซึ่งเป็นรอยต่อระหว่างประเทศอยู่หน้าถนนศรีเพ็ญ ซึ่งมีทหารดูแลอยู่ หลังเกิดเรื่องทหารเขมรเข้ามาขับไล่ชาวบ้านในพื้นที่ พี่น้องชาวบ้านที่มีเอกสารสิทธิ์ครอบครองอยู่ ไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้เลย จึงอยากฝากหน่วยงานรัฐให้ลงมาดูด้วย เพราะพี่น้องก็ต้องการเข้าไปครอบครอง เข้าไปทำกินในฐานะเจ้าของพื้นที่เดิม ตั้งแต่เดือน ม.ค.เป็นต้นมา บางรายไม่ยอมให้เข้าไปเลย ซึ่งล่าสุด มีเจ้าของที่ดินบางราย ซึ่งนำเรื่องฟ้องร้องต่อศาล ขณะนี้ศาลได้อ่านคำพิพากษาให้ชนะคดีไปแล้วว่า มีสิทธิ์ในที่ดินแปลงดังกล่าวด้วย
—————————-
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: