สระแก้ว – ชาวบ้านมะค่าปุ่ม ต.โคคลาน อ.ตาพระยา บุกร้องเรียนผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เหตุผู้ใหญ่บ้าน แอบเอาเครื่องนวดข้าวของหมู่บ้านไปขาย โดยไม่ผ่านการประชาคม จ.สระแก้ว
เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 18 พ.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมสระแก้ว ชั้น 2 ศูนย์ราชการและศาลากลางจังหวัดสระแก้ว นายยุทธพัฒน์ เพชรประเสริฐ ร่วมกับ นายวีระ ดาทอง ,น.ส.สมพร แสนเมือง ,น.ส.กิ่งแก้ว วงค์เวียน และชาวบ้านมะค่าปุ่ม ม.6 ต.โคคลาน อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว เกือบ 50 คน เดินทางมาที่ศาลากลางจังหวัดสระแก้ว พร้อมหอบหลักฐานความไม่ชอบมาพากล กรณีที่ นายสมหวัง วุฒิวงค์ ผู้ใหญ่บ้าน ได้แอบลักขโมยรถนวดข้าวที่จัดซื้อจากงบประมาณของกองทุนเอสเอ็มแอล ซึ่งถือเป็นทรัพย์สินส่วนกลางของหมู่บ้านสำหรับให้บริการประชาชนไปขาย เหตุเกิดตั้งแต่ปี พ.ศ.2551 พร้อมทั้งต้องการร้องเรียนกับ นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ภายหลังกลุ่มชาวบ้านได้ทำหนังสือร้องทุกข์ไปยังฝ่ายปกครองอำเภอตาพระยา ให้มีการสอบสวน แต่ภายหลังมีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้ว ปรากฏว่า ทางอำเภอตาพระยา ดำเนินการไม่โปร่งใส ทำแค่เพียงส่งหนังสือแจ้งตามรายละเอียดกับชาวบ้าน โดยไม่นำหลักความจริงที่ว่า ปัจจุบันรถนวดข้าว ที่ผู้ใหญ่บ้านนำไปขาย ซึ่งไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและไม่มีการชี้มูลความผิด หรือดำเนินการทางวินัยร้ายแรงหรือไม่ร้ายแรงแต่อย่างใด จึงต้องการร้องเรียนให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งการให้ดำเนินการตรวจสอบ โดยมี นายชนาธิป โคกมณี ปลัดจังหวัดสระแก้ว เข้ารับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวแทน ร่วมกับ ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด
ทั้งนี้ นายยุทธพัฒน์ เพชรประเสริฐ แกนนำชาวบ้าน เปิดเผยว่า ประเด็นที่ชาวบ้านรวมตัวกันเพราะความไม่ชอบด้วยกฎหมาย ในการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ใหญ่บ้าน ม.6 บ้านมะค่าปุ่ม ต.โคคลาน อ.ตาพระยา ได้มีการลักเอารถนวดข้าวของชุมชนของหมู่บ้านไปขาย เอารถส่วนกลางไปขาย พอประชาชนได้เอาเรื่องไปร้องเรียนกับ อ.ตาพระยา นายสุโสฬส พึ่งบุญ นายอำเภอตาพระยา ก็มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ซึ่งได้เรียกชาวบ้านไปสอบสวนเรียบร้อย แต่ในกระบวนการสอบในส่วนของผู้ถูกร้องคือผู้ใหญ่บ้าน ได้ทำหลักฐานเอกสารแบบลักษณะย้อนหลัง หรือทำบันทึกประชาคมย้อนหลัง แล้วเอารายชื่อชาวบ้านที่ประชุมในวาระอื่น ๆ มาแนบ เป็นข้ออ้างว่า เขาได้ทำประชาคมเป็นวาระในการอนุมัติให้มีการขายรถนี้ ซึ่งการบันทึกย้อนหลังพอประชาชนไปขอเอกสารจริง กลับไม่ยอมให้ดู หากมีการทำประชาคมจริง ทำไมทางอำเภอไม่ให้ตัวจริงเราดู หากมีการทำจริง ชาวบ้านเซ็นต์ด้วยตัวเองต้องสามารถดูได้
“ชาวบ้านยืนยันว่า ไม่มีการประชาคมใด ๆ อีกทั้งมีการบอกว่า ชาวบ้านถึง 70% ประชาคมให้ขายเครื่องนวดข้าวนี้ ซึ่งใบปะหน้ากับบันทึกรายชื่อชาวบ้านที่แนบมามันคนละวันที่ นี่เป็นข้อพิรุธ ขบวนการสืบสวนสอบสวนของอำเภอก็เชื่อบันทึกประชาคมของผู้ใหญ่บ้าน ที่อ้างอิงเพื่อจะช่วยกันกลบเกลื่อนให้พ้นผิด ชาวบ้านจึงไม่พึงพอใจ เพราะการลักขโมยเอาทรัพย์สินส่วนกลางซึ่งเป็นเงินของรัฐไปขาย เจ้าหน้าที่ของรัฐไม่สามารถทำได้ เมื่อชาวบ้านจับได้ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย ทางอาญา พอผลการสอบสวนของคณะกรรมการของอำเภอส่งมาให้กับชาวบ้านที่ยื่นร้องเรียน ไม่มีการชี้มูล พอเราไปถามว่า เหตุใดจึงไม่มีการชี้มูลความผิดของผู้ที่ถูกร้อง ทั้ง ๆ ที่ทุกฝ่ายยืนยันแล้วว่า ผู้ใหญ่บ้านเอาไปขายจริง ถ้าไม่จริงคุณก็ไปดูซิว่า ที่บ้านมะค่าปุ่มมีรถอยู่มั้ย ตอนนี้ไม่มี นี่คือข้อเท็จจริงที่สามารถพิสูจน์ได้” นายยุทธพัฒน์ กล่าว
นายชนาธิป โคกมณี ปลัดจังหวัดสระแก้ว กล่าวว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ได้เป็นห่วงกรณีนี้ โดยให้ตนมารับเรื่องและสอบสวนอย่างตรงไปตรงมา โดยเฉพาะประเด็นเรื่องของการประชาคมชาวบ้าน อาจจะมีการประชาคมย้อนหลังหรือเปล่า อันนี้ก็ต้องตรวจสอบ ส่วนของรายละเอียดของการประชาคมดูแล้วก็ยังไม่ชัดเจน และเรื่องของการขายเครื่องนวดข้าว กรรมการกองทุนเอสเอ็มแอลมีหน้าที่มีอำนาจในการที่จะดำเนินการได้หรือไม่ คงจะต้องหาระเบียบกฎหมายมาพิจารณาด้วย ซึ่งมีรายละเอียดที่ต้องดูแลอีกเยอะ ก่อนจะฟันธงว่า ผิดหรือไม่ผิด ซึ่งจะต้องมีการสอบอย่างละเอียด หากหนังสือฉบับจริงของอำเภอมาถึงผู้ว่าฯ คงจะพิจารณาว่า ประเด็นที่สอบมาแล้วมีความบกพร่องตรงไหนบ้าง ส่วนหนึ่งที่ชาวบ้านร้องเรียนสงสัยว่า เอกสารที่เอามาประกอบจริงหรือไม่จริง ซึ่งชาวบ้านขอดูแล้วอำเภอเอาสำเนามาให้ดู ซึ่งกรณีนี้ทางจังหวัดโดยศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดจะรับเรื่องไว้ แล้วให้ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งการลงไปที่อำเภอให้สอบสวนให้ละเอียดครบถ้วนตามประเด็นที่ผู้ร้อง ร้องเรียนมา พร้อมทั้งจังหวัดจะตรวจสอบจุดบกพร่องให้เกิดความชัดเจน หากพบว่า ผู้ใหญ่บ้านกระทำผิด ก็จะต้องดำเนินการทางวินัยต่อไป
นอกจากนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 16 พ.ค.ที่ผ่านมา ชาวบ้านกลุ่มดังกล่าว นำโดย นายวีระ ดาทอง อายุ 45 ปี ที่อยู่ 121 ม.6 ต.โคคลาน อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว และชาวบ้าน รวม 8 คน ได้เดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์และลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานกับ ร.ต.อ.พงศ์พิเชษฐ ธนพศุตม์กุล รอง สว.(สอบสวน) พนักงานสอบสวนเวร สภ.ตาพระยา กรณีที่ผู้ใหญ่บ้านนำรถนวดข้าวของหมู่บ้านไปขายด้วย หากครบ 3 เดือน ซึ่งครบอายุของบันทึกประจำวันแล้วยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ จะเข้าแจ้งความร้องทุกข์อีกครั้งเพื่อดำเนินคดีอาญาตามกฎหมายด้วย
ทางด้าน น.ส.กิ่งแก้ว วงค์เวียน ชาวบ้านที่ยื่นร้องเรียนกรณีดังกล่าว บอกว่า เครื่องสีข้าวนวดข้าวเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน ซึ่งมาจากเงินกองทุนเอสเอ็มแอล ซึ่งซื้อมานานแล้ว แต่พวกเราไม่ทราบว่า เค้าขายวันไหน แล้วได้เงินไปเท่าไหร่ เราเพิ่งมาทราบจากเอกสารของทางอำเภอได้ทำเรื่องมาบอกกับชาวบ้านที่ร้องเรียนไป ซึ่งทางผู้ใหญ่บ้านจะมีอิทธิพลหรือไม่ แต่ก็ได้สั่งห้ามชาวบ้านไม่ให้ไปเหยียบที่บ้านเขา ซึ่งกรณีนี้ถ้าผิดจริงก็ต้องการให้ดำเนินการทางวินัย และจากหนังสือทางอำเภอที่ส่งมาให้ อ้างว่า ขายไปแล้ว แล้วนำเงินไปซื้อเต็นท์ โต๊ะและเก้าอี้ ซึ่งถ้านำเงินไปซื้อเต็นท์ แต่เต็นท์ที่มีในหมู่บ้านข้างเต็นท์เขียนว่า ใช้เงินจากโครงการกองทุนหมู่บ้าน กทบ. ซึ่งไม่ใช่เงินของโครงการเอสเอ็มแอล
—————————–
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: