สระแก้ว – เจ้าของล้งทุเรียน 8 ตัน ในพื้นที่ จ.จันทบุรี เดินทางเข้าแจ้งความเพิ่มเติม พรบ.อุ้มหาย กับร้อยเวร สภ.คลองลึก อ.อรัญประเทศ เพื่อขอรับคืนทุเรียนของกลางที่เหลืออยู่ในคลังของกลางศุลกากรอรัญประเทศ เนื่องจากผ่านมาเกือบ 1 สัปดาห์เกรงว่าจะเน่าเสีย
เมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 29 มิ.ย.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องสอบสวน สภ.คลองลึก ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว นายอัมรินทร์ ยี่เฮง เครือข่ายภาคประชาชนจังหวัดสระแก้ว พร้อมด้วย เจ้าของล้งทุเรียนในพื้นที่ จ.จันทบุรี โดยมี นายนภดล ปิ่นทอง อายุ 36 ปี ตัวแทนล้งฯ และคนขับรถ 6 ล้อ ที่เดินทางเข้าลงบันทึกประจำวันเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.66 หลังทุเรียนของกลาง 8 ตันเศษ มูลค่า 1.178 ล้านบาท ที่ถูกจับกุมและตรวจยึดไปเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.66 และถูกนำออกมาขายให้หน่วยต่าง ๆ ในราคา 50 ลูก 7,500 บาท โดยอ้างว่า เจ้าของยินยอมทำการระงับคดีในชั้นศุลกากร ซึ่งหลังเดินทางมาตรวจสอบของกลางและขอประมูลของกลาง แต่ปรากฏว่าของกลางถูกขายออกไปจำนวนมากและไม่มีผู้ใดให้คำตอบที่ถูกต้องได้ จึงได้ลงบันทึกประจำวันกับ พ.ต.ต.กิตติพัศ ขจรพงศ์ชัยกุล สว.(สอบสวน) สภ.คลองลึก ไว้เป็นหลักฐาน
ล่าสุด วันนี้เจ้าของล้งทุเรียนดังกล่าว ได้เดินทางมาเพื่อแจ้งความเพิ่มเติมที่ สภ.คลองลึก พร้อมกับตัวแทนและทนายความ และขอปกปิดชื่อกับผู้สื่อข่าว เนื่องจากเกรงว่าจะมีผลต่อการดำเนินการในธุรกิจ โดยกล่าวหาเจ้าหน้าที่่ศุลกากรอรัญประเทศทำผิด พ.ร.บ.อุ้มหาย ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนเจ้าของล้งทุเรียน และคนขับรถ 6 ล้อ โดยมีทนายความร่วมฟังการสอบสวนด้วย หลังจากนั้น ทางล้งทุเรียนได้เดินทางไปที่ศุลกากรอรัญประเทศในช่วงบ่ายเศษ ๆ เพื่อแจ้งความประสงค์ขอคืนของกลางจำนวนดังกล่าวและรถยนต์ 6 ล้อ ที่ถูกยึดไว้ เนื่องจากผ่านมาเกือบ 1 สัปดาห์แล้ว เกรงว่าสินค้าจะได้รับความเสียหาย แต่ปรากฏว่า ทางสำนักงานศุลกากรอรัญประเทศ ได้ปิดประตูเหล็กด้านหน้า พร้อมเปิดให้เข้าช่องเล็ก ๆ ส่วนที่สำนักงานก็ไม่รับเรื่อง และไม่ให้กลุ่มดังกล่าวเข้าไปด้านใน โดยให้ตัวแทนหรือเจ้าของรถดำเนินการมอบอำนาจมาดำเนินการภายหลัง ซึ่งทางล้งทุเรียน คนขับรถและทนายความ จึงเดินทางกลับไปพร้อมกับถ่ายคลิปไว้
สำหรับบรรยากาศที่ด่านผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ เจ้าหน้าที่ด่านศุลกากร เจ้าหน้าที่ด่านตรวจพืชอรัญประเทศ ด่านตรวจสินค้าเกษตร และจุดตรวจร่วมยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมาย กองร้อยทหารพรานที่ 1302 ชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 13 ได้เข้มงวดตรวจสอบการนำสินค้าและสิ่งผิดกฎหมาย เข้า-ออกชายแดนอย่างเข้มงวด ในกรณีสินค้าเกษตร เช่น ทุเรียน หากนำเข้าหรือนำออกไปจำนวนไม่มาก ก็สามารถนำข้ามชายแดนได้ ยกเว้น ต้นพืช พืชพันธ์ที่เป็นสิ่งของต้องห้าม
ข่าวน่าสนใจ:
โดยผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบแผง และร้านค้าขายทุเรียน ในพื้นที่ตลาดโรงเกลือ ตลาดการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งมีร้านค้าที่เป็นแผงทุเรียนขนาดเล็ก-ใหญ่ นำทุเรียนมาขายไม่มาก จำนวนเพียง 5-6 ร้านเท่านั้น ซึ่งแม่ค้าทุเรียนชาวกัมพูชาในตลาดโรงเกลือรายหนึ่ง บอกว่า ไม่เคยมีใครนำทุเรียนจากประเทศกัมพูชามาขายในพื้นที่ตลาดโรงเกลือ เพราะในกัมพูชามีการปลูกจำนวนไม่มาก มีเป็นส่วนน้อยที่ออกลูกแล้ว ซึ่งราคาหากส่งมาขายที่ฝั่งไทย จะตกราคาเกือบ 200 บาท/กิโลกรัม ขณะที่ไปซื้อทุเรียนจากจันทบุรี ระยอง มาขาย ราคาส่งเพียงโลละ 100-130 บาทเท่านั้น สามารถขายได้ในราคาโลละ 150-160 บาท ส่วนสวนทุเรียนที่เพิ่งปลูกใหม่ในกัมพูชาก็ยังเล็กอยู่ ไม่มีผลผลิต การจะนำทุเรียนมาครั้งละ 8 ตัน น่าจะเป็นไปได้ยาก
แม่ค้าทุเรียนชาวกัมพูชา บอกอีกว่า ทุเรียนจากประเทศกัมพูชาไม่มีมาขายในตลาดโรงเกลือ เพราะราคาแพงกว่า กัมพูชามีปลูกทุเรียนจริง แต่ของมีน้อย ซึ่งทุเรียนจากเขมรข้ามมาสระแก้ว ไม่มีเลย ซึ่งของที่เอามาขายจะไปซื้อจากจันทน์ ทุเรียนฝั่งกัมพูชาที่ส่งมาขายกันฝั่งโน้น ก็ขาย 200 กว่าบาทต่อกิโลกรัม จึงไม่มีใครเอาเข้ามาขาย ตอนนี้ในโรงเกลือจึงไม่มีทุเรียนจากฝั่งกัมพูชามาขายแน่นอน ที่ได้ยินจากข่าวว่า ทุเรียนส่งมาจากกัมพูชา ไม่น่าจะมี เพราะกัมพูชาปลูกเยอะที่ไหน ตอนนี้เขาเริ่มปลูกกันเยอะแล้วนะ แต่มันยังไม่มีลูก อีก 7-8 ปี ถึงจะมีลูก ที่ได้ยินข่าวว่า เขาจับ 2-3 วันที่ผ่านมา 8 ตัน ตนเชื่อว่า เป็นทุเรียนของไทย ไม่ใช่เขมร เยอะขนาด 7-8 ตัน ไม่มีหรอก ไม่มีใครเชื่อ ขายทุเรียนตรงนี้มา 6 ปี มีแต่ซื้อจากจันทบุรี ระยอง ถ้าหมดก็ซื้อทุเรียนจากใต้ เพื่อเอามาขาย หลังจากนั้นชาวกัมพูชาพ่อค้าที่ขายกันอยู่ในตลาดโรงเกลือ ก็จะแบ่งเอาครั้งละ 100 กว่าโล เอาใส่รถเข็นข้ามไปขายฝั่งโน้น มีเขาทำกันอยู่ ซึ่งที่ตลาดเขาดินก็เอาไปขายแบบนี้ ถ้าฝั่งโน้นมาแพงใครจะเอามาขาย ขายตรงนี้มา 5-6 ปี ไม่เคยมีทุเรียนจากกัมพูชามาขายแน่นอน ไม่มีมาขายแน่ ๆ
—————————
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: