สระแก้ว – ตำรวจ สภ.เมืองสระแก้ว ชี้แจงกรณีรถของกลางหายอ้างไฟแนนซ์ สั่งระงับทะเบียนและจากการตรวจสอบเบื้องต้นโดยประสานทางโทรศัพท์กับบริษัทไฟแนนซ์ ยืนยันว่า ยังไม่มีเจ้าหน้าที่ไปนำรถคันดังกล่าวออกไปจาก สภ.เมืองสระแก้ว โดยสั่งการให้ฝ่ายสืบสวนให้ติดตามรถยนต์ทั้ง 2 คันโดยด่วน
เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่่ 22 ต.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่รถของกลางที่เกิดอุบัติเหตุในพื้นที่ อ.เมืองสระแก้ว หายไปจากจุดที่เก็บรถของกลาง สภ.เมืองสระแก้ว จ.สระแก้ว ภายหลังเจ้าของรถยนต์ถึง 2 คัน เข้าไปติดต่อขอดูรถเพื่อถ่ายภาพไปส่งศาล แต่ไม่พบรถแต่อย่างใด ซึ่งทางตำรวจทำได้เพียงแค่ให้แจ้งความ รถหาย และจะเร่งติดตามรถเท่านั้น ล่าสุด ภายหลังเรื่องตกเป็นข่าวทางสื่อมวลชน โดยวันนี้ (22 ต.ค.) พ.ต.อ.เอกอนันต์ หูแก้ว ผกก.สภ.เมืองสระแก้ว ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่รวบรวมข้อมูลเพื่อชี้แจงทางเพจของสถานีตำรวจภูธรเมืองสระแก้ว โดยระบุว่า “ชี้แจงข้อเท็จจริง และความคืบหน้าการดำเนินการ กรณีปรากฎข่าว มีรถยนต์ที่เกิดอุบัติเหตุสูญหายบริเวณที่จอดรถเกิดอุบัติเหตุภายใน สภ.เมืองสระแก้ว ดังนี้
โดยรถคันที่ 1 เป็นรถยนต์กระบะยี่ห้อเชฟโรเล็ต ทะเบียน บผ-1975 สระแก้ว โดยมีนายปรีชา อินทร์จันดา เป็นผู้เสียหาย เกิดเหตุเฉี่ยวชนกับรถยนต์ของผู้อื่น เมื่อวันที่ 2 พ.ค.66 เวลา 12.00 น. ต่อมาวันที่ 4 พ.ค.66 ได้เจรจาชดใช้ค่าเสียหายให้กับคู่กรณีเรียบร้อย ซึ่งพนักงานสอบสวน ได้คืนรถให้กับคู่กรณีไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนรถยนต์คันเกิดเหตุ ผู้เสียหายแจ้งว่า จะมาเอาไปเองในภายหลัง ต่อมา วันที่ 4 ต.ค.66 รวมระยะเวลานาน 5 เดือน ผู้เสียหายได้มาตรวจสอบที่ สภ. ปรากฏว่าไม่พบรถยนต์คันเกิดเหตุ จึงได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เพื่อติดตามรถคืน ซึ่งจากการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน พบว่า รถยนต์คันดังกล่าวเช่าซื้อจากบริษัทเกียรตินาคิน และยังค้างชำระค่างวดรถ จำนวน 6 งวดติดต่อกัน โดยผู้เสียหาย ยืนยันว่า ประสงค์จะขอมอบรถคืนให้กับบริษัทฯ และในระหว่างจอดรถที่ สภ.ฯ ได้เคยมีเจ้าหน้าที่บริษัทฯ ได้มาถ่ายภาพรถที่เสียหาย เพื่อทำรายงานขออนุมัติยึดรถกลับคืนไปครั้งหนึ่งแล้ว
ส่่วนรถคันที่ 2 รถยนต์กระบะ เซฟโรเล็ต หมายเลขทะเบียน บษ-2163 พระนครศรีอยุธยา โดยมี นายสิรภพ ป๊อกแก้ว เป็นผู้เสียหาย เกิดเหตุเฉี่ยวรถจักรยานยนต์ของผู้อื่น มีทรัพย์สินของทางราชการเสียหาย เมื่อวันที่ 19 ก.พ.66 เวลา 14.00 น. แต่เจ้าของรถจักรยานยนต์คู่กรณี ไม่ติดใจเรียกร้องค่าเสียหายใด ๆ หลังเกิดเหตุ พนักงานสอบสวนได้ติดต่อให้มาพบ เพื่อทำการเปรียบเทียบปรับ กรณีทำทรัพย์สินของทางราชการเสียหาย แต่ฝ่ายผู้ขับขี่แจ้งว่า ยังได้รับบาดเจ็บอยู่ ไม่สามารถมาพบได้ จนกระทั่งวันที่ 20 ต.ค.66 รวมระยะเวลานาน 8 เดือน ได้มาตรวจสอบไม่พบรถยนต์คันดังกล่าว จึงได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เพื่อให้ติดตามรถยนต์คันดังกล่าวกลับคืน ซึ่งจากการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน พบว่า รถยนต์คันดังกล่าวเช่าซื้อจากบริษัทเกียรตินาคิน และยังค้างชำระค่าเช่าซื้อ จำนวน 8-9 งวด โดยผู้เสียหายประสงค์จะขอคืนรถยนต์ให้กับบริษัทฯ ไว้แล้ว แต่บริษัทฯ ยังไม่ยอมรับคืน
นอกจากนั้น เพจสถานีตำรวจภูธรเมืองสระแก้ว ยังระบุด้วยว่า ความคืบหน้าของการสอบสวน ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนปากคำผู้เสียหายไว้แล้ว โดยได้แจ้งอายัดการจดต่อทะเบียนไปยังนายทะเบียนขนส่งจังหวัดสระแก้วแล้ว และได้ทำหนังสือตรวจสอบกับบริษัทเกียรตินาคิน เกี่ยวกับการดำเนินการที่เกี่ยวข้องแล้ว เบื้องต้นได้ประสานทางโทรศัพท์ ยืนยันว่า ยังไม่มีเจ้าหน้าที่ไปนำรถคันดังกล่าวออกไป รวมทั้งได้มอบหมายเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ให้ติดตามรถยนต์คันดังกล่าวแล้ว อย่างไรก็ตาม สภ.เมืองสระแก้ว ยังทิ้งท้ายด้วยว่า กรณีเหตุดังกล่าว อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง และอยู่ระหว่างเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนดำเนินการ และฝ่ายสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ได้รับแจ้งข้อมูลจากผู้เสียหายและญาติว่า ภายหลังกรณีรถยนต์ของกลางหายไปจากพื้นที่เก็บของกลาง สภ.เมืองสระแก้ว จนผู้เสียหายร้องเรียนต่อสื่อมวลชน และตกเป็นข่าวนั้น ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เดินทางเข้าเจรจากับญาติและเจ้าของรถผู้เสียหาย เพื่อชดใช้ค่าเสียหาย แต่ยังได้รับการปฏิเสธจากญาติของผู้เสียหาย จนกระทั่งมีคำชี้แจงจาก สภ.เมืองสระแก้ว เผยแพร่ออกมาทางผ่านเพจฯ ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ไปเพื่อสอบถามแต่ทาง พ.ต.อ.เอกอนันต์ หูแก้ว ผกก.สภ.เมืองสระแก้ว แต่ไม่รับโทรศัพท์ ซึ่งก่อนหน้านี้ ผกก.สภ.เมืองสระแก้ว ได้ให้ข้อมูลกับสื่อฉบับหนึ่ง โดยกล่าวว่า ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนของ สภ.เมืองสระแก้ว ติดตาอข้อมูลที่รถหายจาก สภ.เมืองสระแก้ว โดยทราบเบื้องต้นแล้วว่า รถยนต์ทั้งสองคันไม่ใช่รถของกลาง เพราะว่าเจ้าของรถและคู่กรณีสามารถตกลงกันได้
——————————-
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: