สระแก้ว – ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืนตามศาลจังหวัดสระแก้ว ให้จำคุกตลอดชีวิต ผอ.จุมพลฯ จำเลยในคดีฆาตกรรม”น้องหลิว” เมื่อ 8 ปีก่อน แล้วนำศพทิ้งป่าอ้อยในพื้นที่อำเภอวัฒนานคร เพื่ออำพรางคดี พร้อมให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนบิดามารดาผู้ตาย 1.7 ล้านบาท ส่วนพ่อแม่คนตายกล่าวทั้งน้ำตาคิดถึงลูกตลอดเวลา ต้องการให้คนทำผิดได้รับโทษและชดใช้ค่าเสียหาย
เมื่อวันที่ 1 พ.ย.66 ผู้สื่อข่าวรายงานจากศาลจังหวัดสระแก้ว ต.ท่าเกษม อ.เมือง จ.สระแก้ว ว่าศาลจังหวัดสระแก้ว โดยองค์คณะผู้พิพากษาได้ออกนั่งบรรลังค์อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ภาค 2 เมื่อวันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมาในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายจุมพล สุภาพงษ์ หรือ ผอ.ตุ๊ อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่ง จำเลยในคดีฆาตกรรมอำพราง น.ส.มยุรี หรือ “น้องหลิว” ยอดพะเนา ซึ่งขณะนั้นอายุเพียง 18 ปี พนักงานโรงงานแห่งหนึ่งในนิคมอุตสาหกรรม 304 พื้นที่ อ.ศรีมหาโพธิ์ จ.ปราจีนบุรี และหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เหุตเกิดตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2555 โดยศาลอุทธรณ์ ภาค 2 ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า จำเลยมีเจตนากระทำผิดตามฟ้องจริง จึงพิพากษายืนตามศาลจังหวัดสระแก้ว
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการฟังการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ภาค 2 นายจุมพล หรือ “ผอ.ตุ๊” ก้มหน้าอยู่ตลอดเวลา ด้วยอาการนิ่งเฉย แต่มีอาการเครียดอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งทันทีที่ศาลอ่านคำพิพากษาจบ ผอ.ตุ๊ ถึงกับทรุดตัวลง เอาหน้าผากซบลงกับบนพนักพิงเก้าอี้นั่งเบื้องหน้า ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจศาล จะเดินมาใส่กุญแจมือแล้วนำตัวนายจุมพลฯ ออกไปจากห้องพิจารณาคดีทันที
ข่าวน่าสนใจ:
สำหรับคดีดังกล่าว ทางญาติของผู้ตาย ได้ร้องขอความช่วยเหลือไปที่ศูนย์คนหาย มูลนิธิกระจกเงา และพยายามติดตามข้อมูลจากศพไร้ญาติ จนกระทั่งพบว่า เธอถูกฆาตกรรมและนำศพไปทิ้งเพื่ออำพรางคดีไว้กลางป่าอ้อย ในพื้นที่ ต.ท่าเกวียน อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว หลังเวลาผ่านไปถึง 8 ปี จึงมีการรื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่ และสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ที่ จ.สุพรรณบุรี จึงได้นำตัวผู้ต้องหาส่งฟ้องต่อศาลจังหวัดสระแก้วเพื่ิอดำเนินคดีตามกฎหมาย ฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และศาลจังหวัดสระแก้ว ได้พิพากษาตัดสิน เมื่อวันที 16 พฤศจิกายน 2565 ให้จำคุกจำเลยตลอดชีวิต และชดใช้ค่าสินไหมทดแทน กับบิดา มารดาของผู้เสียชีวิต จำนวน 1.7 ล้านบาท
นอกจากนั้น มูลนิธิกระจกเงา ได้เผยแพร่โพสต์ทางเพจของมูลนิธิในวันนี้ ระบุว่า กรณีเมื่อปี 2555 “น้องหลิว” ออกจากบ้านไปทำงานที่นิคมอุตสาหกรรม 304 ปราจีนบุรี จากนั้นหายตัวไปอย่างลึกลับนาน 8 ปี จนครอบครัวแจ้งเรื่องมาที่มูลนิธิกระจกเงาให้ช่วยตามหาลูกสาวที่หายไป ซึ่งทางครอบครัวเป็นชาวบ้านธรรมดาไม่รู้จะทำอย่างไรในการตามหา ประกอบกับมีคนส่ง sms ลวงว่า น้องหลิวไปทำงานต่างประเทศ ที่บ้านไม่ต้องเป็นห่วง จึงทำให้ครอบครัวรอน้องหลิวกลับมาตลอดระยะเวลานานถึง 8 ปี
กระทั่ง มูลนิธิฯ เริ่มต้นตรวจสอบด้วยการประสานงานตรวจข้อมูลในระบบราชการทั้งหมด ไม่พบความเคลื่อนไหวใด ๆ และไม่พบการเดินทางออกนอกประเทศ และเมื่อประเมินจากข้อมูลเชิงลึกถึงเรื่องราวก่อนหายตัวไป คาดว่า น้องหลิวอาจไม่มีชีวิตอยู่แล้ว จึงวางแผนค้นหาโดยเริ่มจากการตรวจสอบศพนิรนาม โดยตระเวนไปตามโรงพยาบาลต่าง ๆ เกือบ 10 แห่ง ในพื้นที่ 4 จังหวัด ในรัศมี 200 กม.และจากจุดสุดท้ายที่น้องหลิวหายไป เพื่อขอดูข้อมูลศพนิรนามเพศหญิง ที่เกิดขึ้นในห้วงปี 2555-2558 จนกระทั่งพบข้อมูลศพนิรนามทั้งหมด 3 ศพ แต่มีอยู่ 1 ศพ ที่ใกล้เคียงน้องหลิวที่สุด โดยเฉพาะห้วงเวลาที่พบศพ ใกล้กับช่วงที่น้องหลิวหายตัวไป โดยศพดังกล่าว มีรอยสักที่ข้อเท้าเหมือนกับรอยสักของน้องหลิว
ทางมูลนิธิกระจกเงา จึงนำเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบดีเอ็นกับแม่และญาติ กระทั่ง ผลดีเอ็นเอยืนยันว่า ศพหญิงนิรนามที่ถูกยิงและทิ้งไว้ศพไว้ในไร่อ้อยที่ อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว คือ น้องหลิว ที่หายตัวไปกว่า 8 ปี ซึ่งความยากของคดีอยู่ที่พยานหลักฐานที่ลบเลือนตามกาลเวลากว่า 8 ปี และผู้ต้องสงสัยซึ่งคบหากับน้องหลิวในขณะนั้น เป็นถึงข้าราชการครู ทีมงานจึงเริ่มต้นคดีโดยประสานตำรวจสอบสวนกลาง ลงพื้นที่ร่วมสืบสวนสอบสวน และที่สำคัญทาง พ.ต.อ.สาธิต มิตรรัก ผกก.สภ.วัฒนานคร ในขณะนั้น ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ ได้ทำสำนวนสืบสวนสอบสวนอย่างละเอียด จนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องได้ทั้งหมด จนศาลชั้นต้น พิพากษาตัดสินจำคุกผู้ต้องหาตลอดชีวิต เมื่อวันที่ 16 พ.ย.65 และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้จำคุกตลอดชีวิตผู้ต้องหา ซึ่งพอจะยืนยันถึงความแน่นหนาและรัดกุมของพยานหลักฐานได้เป็นอย่างดี และศพนิรนาม ได้กลับมามีชื่อนามสกุล คนหายได้กลับบ้าน และคืนความยุติธรรมให้ครอบครัวน้องหลิว
ผู้สื่อข่าวเดินทางลงพื้นที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ที่บ้านเลขที่ 64 ม.3 บ้านหนองเสม็ด ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ไปที่บ้านของนายสมศักดิ์ ยอดพะเนา อายุ 64 ปี และนางสุรีวรรณ์ ยอดพะเนา อายุ 58 ปี พ่อและแม่ของ”น้องหลิว” ซึ่งอาศัยอยู่บ้านสร้างด้วยไม้ สภาพทรุดโทรม ปัจจุบันทั้งคู่มีปัญหาด้านสุขภาพ บอกว่า เพิ่งเดินทางไปขึ้นศาลจังหวัดสระแก้ว เพื่อฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ โดยศาลพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและให้ชดใช้ค่าเสียหาย ซึ่งผู้เป็นแม่กล่าวทั้งน้ำตา บอกว่า “อยากให้ลูกมารับรู้รับฟัง ตอนนี้ศาลพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ไม่ว่าลูกหลิวจะอยู่ที่ไหนก็ขอให้มารับรู้นะลูกเอ๋ย ปัจจุบันแม่ทุกข์แม่ยากทั้งพ่อทั้งแม่ ไปไหนมาไหนก็ยาก เจ็บป่วยเจ็บไข้ทุกวันนี้ลำบาก”
นายสมศักดิ์ฯ และนางสุรีวรรณ์ เล่าว่า ขึ้นไปฟังศาลอ่านคำพิพากษา ก็พอจำได้ช่วงท้าย ๆ ซึ่งศาลสั่งพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ซึ่งภูมิใจที่ทางศาลเค้าจับคนทำผิดได้ ผู้กระทำผิดกำลังจะถูกลงโทษซึ่งพ่อและแม่รอมา 2 ปี หลังจากที่ลูกหายไป 8 ปี รวมตอนนี้เกือบ 10 ปี ที่ผ่านมาคิดถึงลูกอยู่ตลอดเวลา เห็นหน้าลูกตลอดเวลากินข้าวก็คิดถึงลูก เวลาที่ไปไหน โดยเฉพาะตอนที่ไปขึ้นศาล ก็จะบอกลูกว่า แม่ไปขึ้นศาล ช่วยแม่ด้วยนะ ทุกวันนี้ก็ได้ทำบุญให้เค้า เอากระดูกไปไว้ที่วัด ถ้ามีตังค์ก็จะทำบุญให้เค้าอีกครั้ง และอยากจะบอกกับลูกว่า ถ้าทางศาลเค้าพูดเป็นความจริงก็อยากจะบอกลูกว่า หลิวเอ้ย ถ้ามีเงินแม่จะทำบุญ ถ้าหากเค้าชดเชยชดใช้ก็จะทำบุญให้เจ้าไปอยู่อย่างเป็นสุข อยู่บนสวรรค์ไป ตอนนี้พ่อกับแม่สภาพร่างกายทรุดโทรม เจ็บป่วยกันเกือบเดินไม่ไหว พอมารู้ว่า ลูกตาย
“ตอนแรก ๆ คิดว่าเค้ายังไม่ตาย คิดว่าไปต่างประเทศตามที่มีคนแจ้งข้อมูลแอบอ้างว่า ไปต่างประเทศ พ่อแม่ก็เฝ้าแต่รอ บางครั้งพ่อปีใหม่ ก็นั่งมองทางว่า ลูกสาวเราเมื่อไหร่จะมา เห็นแต่ลูกคนอื่นและก็หลาน ๆ เขาก็กลับบ้านเอานั่นนี่มามาฝากพ่อแม่ แล้วลูกเราทำไมไม่เห็นมา ลูกเราไปประเทศนอกจริงหรือเปล่า ซึ่งช่วง 8 ปีที่หายไปก็คิดว่าลูกไปต่างประเทศ กระทั่งมูลนิธิกระจกเงา เอาข้อมูลมาพิสูจน์และตรวจดีเอ็นเอ พบว่า ลูกเราเสียชีวิตแล้ว ตอนนั้นทั้งพ่อและแม่เกือบช็อค ตอนนี้ตำรวจจับคนผิดและศาลกำลังจะดำเนินคดีกับคนผิด ก็ภูมิใจ แต่แม่ก็กลัวเค้ามาทำเราอีก” นายสมศักดิ์ฯ และนางสุรีวรรณ์ กล่าว
—————————-
ข่าว-ภาพโดย/ธนภัท กิจจาโกศล ,เด่นชัย วิสุทธิ์วุฒิพงษ์, สมศักดิ์ ปัญญาสัย ทีมข่าวสระแก้ว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: