X

นายกฯลงพื้นที่สระแก้ว ระบุมีความพร้อมที่จะพัฒนาขึ้นมาเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษเพิ่มอีก 1 เขต รองรับนักลงทุนต่างชาติ

สระแก้ว – นายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่ จ.สระแก้ว เพื่อติดตามความคืบหน้าพื้นที่ก่อสร้างอาคาร CIQ ด่านศุลกากร อ.อรัญประเทศ ตรวจเยี่ยมจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึกและนิคมอุตสาหกรรมสระแก้ว โดยบอกกับประชาชนในพื้นที่ว่า จังหวัดสระแก้ว มีความพร้อมที่จะพัฒนาขึ้นมาเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ เพิ่มอีก 1 เขต เพื่อรองรับนักลงทุนต่างชาติ

เมื่อวันที่ 25 พ.ย.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม , น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม , นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ,นายพงศ์ศรัณย์ อัศวชัยโสภณ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เดินทางมาตรวจราชการ พื้นที่ จ.สระแก้ว เพื่อติดตามและตรวจเยี่ยมงาน 3 จุดในพื้น อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว โดยเดินทางไปติดตามความคืบหน้า พื้นที่การก่อสร้างอาคาร CIQ  ด่านศุลกากร (แห่งใหม่) ตรวจเยี่ยมจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก และตรวจเยี่ยมนิคมอุตสาหกรรมสระแก้ว โดยมี นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ


ทั้งนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยานทหารกองบิน 3 ต.ห้วยโจด อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว ตั้งแต่เวลา 10.30 น. โดยคณะนายกรัฐมนตรีเดินทางมาติดตามความคืบหน้าพื้นที่การก่อสร้างอาคาร CIQ (Customs Immigration and Quarantine) ด่านศุลกากร อรัญประเทศ (แห่งใหม่) ซึ่งอยู่ใกล้กับสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา บ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท ต.ท่าข้าม อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว โดยการก่อสร้างอาคาร CIQ ด่านศุลกากร เพื่อเป็นการรองรับการเปิดใช้สะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา (บ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท) อย่างเป็นทางการ ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าข้ามแดน และลดความแออัดของจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก ซึ่งเป็นช่องทางการค้าหลักที่ใหญ่ที่สุดระหว่างไทย-กัมพูชา ในปัจจุบัน


หลังจากนั้น นายเศรษฐาและคณะ เดินทางไปตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ บริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว โดยจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก เป็นจุดผ่านแดนถาวรระหว่างประเทศไทย-กัมพูชา มีนักเดินทางผ่านเข้า-ออกเป็นจำนวนมาก ทั้งนักท่องเที่ยว ,ผู้ค้าขายและชาวไทยที่เข้าไปทำงานในบ่อนคาสิโน ซึ่งมีบ่อนคาสิโนที่ถูกต้องตามกฎหมายของกัมพูชา จำนวนประมาณ 15 แห่ง และบริเวณใกล้เคียงเป็นที่ตั้งของตลาดโรงเกลือ ที่เป็นตลาดการค้าชายแดนภาคตะวันออกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และคณะนายกฯได้เดินทางไปที่สะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา เพื่อพบปะกับ นายอุม เรียไตร ผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย , นายเกียรติ ฮุน ผู้ว่าการกรุงปอยเปต และเจ้าหน้าที่ฝ่ายกัมพูชา ก่อนจะเดินทางไปตรวจเยี่ยมนิคมอุตสาหกรรมสระแก้ว ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ซึ่งมีประชาชนในพื้นที่มาต้อนรับคณะนายกฯ จำนวนประมาณ 500 คน ซึ่งมีกลุ่มชาวบ้านได้ถือป้ายเพื่อให้กำลังใจคณะนายกรัฐมนตรีด้วย


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะของนายกรัฐมนตรี เดินทางไปยังนิคมอุตสาหกรรมสระแก้ว ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพื่อรับฟังแนวทางการบริหารจัดการนิคม และปัญหาของการบริหารนิคม จากผู้ว่าการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย แล้ว นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางออกไปพบปะกับประชาชนที่มาคอยต้อนรับ อย่างเป็นกันเอง โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวกับประชาชนที่มาคอยต้อนรับว่า วันนี้ตนมาสระแก้วเพื่อรับทราบปัญหาการค้าและการลงทุนในพื้นที่ โดยจุดแรกที่บ้านหนองเอี่ยน พบว่าการก่อสร้างอาคารศุลกากรล่าช้ามาก เพราะมีการยกเลิกสัญญากับบริษัทก่อสร้างเดิม และได้บริษัทคู่สัญญาใหม่แล้ว ตนได้เร่งรัดกับรักษาการอธิบดีกรมศุลกากร ให้เร่งรัดเวลาการก่อสร้างจากเดิม 600 วัน เป็น 400 วัน


นอกจากนั้น ขั้นตอนของการนำสินค้าเข้าและออก ก็มีความสำคัญ โดยเฉพาะในเรื่องของ One Stop Service ,Single Window ,Single Form ซึ่งได้ให้ด่านศุลกากร ดำเนินการทดลองให้ได้ผลสำเร็จ จากนั้น จะนำมาใช้ในจังหวัดสระแก้วต่อไป และเนื่องจากมูลค่าการค้าขายระหว่างกันสูงมากถึงปีละแสนล้าน และปริมาณคนเดินทางเข้าออก รวมทั้งคนต่างชาติด้วย ปีละกว่า 10 ล้านคน ดังนั้น การอำนวยความสะดวกในการเข้า-ออก จึงมีความสำคัญ ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยใจใช้การสแกนใบหน้า แต่ทางกัมพูชายังไม่ได้ใช้ ตนจึงได้ให้ทางกระทรวงต่างประเทศ ไปพูดคุยกับทางกัมพูชาว่า จะทำอย่างไรเพื่อแก้ปัญหา ซึ่งจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย


นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ในส่วนของตลาดโรงเกลือ ก็มีประชาชนเดินทางเข้าออกเป็นจำนวนมาก จึงอยากให้มีการบริการด้านการทำพาสปอร์ต และเดย์พาส เพื่ออำนวยความสะดวกต่อการเดินทางเข้า-ออก รวมทั้งจะร้องขอให้กระทรวงการต่างประเทศไปตั้งสถานกงสุลในจังหวัดเสียมเรียบ เหมือนกับทางกัมพูชา ที่มาตั้งในพื้นที่อำเภออรัญประเทศ เพื่อให้การทำธุรกรรมของคนไทยสะดวกยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องเดินทางไปถึงพนมเปญ และท้ายสุด นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงผลโกโก้ ที่เป็นพืชเศรษฐกิจตัวหนึ่งของประเทศ แต่ยังไม่มีการนำมาแปรรูปอย่างจริงจัง ตนได้บอกให้รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรม ให้ใช้จังหวัดสระแก้ว เป็นสถานที่ตั้งโรงงานแปรรูปขนาดเล็ก เพื่อสนับสนุนให้การปลูกโกโก้ ให้เป็นพืชเศรษฐกิจหลักได้ในอนาคต


อย่างไรก็ตาม ในส่วนของนิคมอุตสาหกรรมสระแก้วนั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า เท่าที่รับฟังปัญหาคือ ไม่มีนักลงทุนมาสร้างโรงงานทั้ง ๆ ที่เปิดมาแล้วถึง 4 ปี และมีพื้นที่จำนวนมาก ปัญหาคือค่าเช่าแพง เพราะเป็นการเช่าระยะยาว และไม่สามารถขายขาดได้ เพราะเป็นที่ราชพัสดุ ซึ่งจะต้องมีการแก้ไข นอกจากนั้น ยังมีกฎหมายบังคับไม่ให้โรงงานปล่อยควันออกมา ซึ่งเป็นขีดจำกัดสำหรับผู้ประกอบการ ซึ่งจะต้องมีการแก้ไขอีไอเอ ที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้ขัดแย้งกับประชาชนในพื้นที่ นอกจากนั้น นิคมอุตสาหกรรมสระแก้วยังไม่ห่างจากท่าเรือแหลงฉบัง และยังมีสนามบินของกองทัพอากาศ ที่สามารถพัฒนาเป็นสนามบินพาณิชย์ได้ ดังนั้น จังหวัดสระแก้ว จึงมีศักยภาพสูง ที่จะยกระดับเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ เพิ่มขึ้นมาอีก 1 เขต นอกเหนือจากที่มีอยู่แล้ว 3 เขต คือ ฉะเชิงเทรา ระยอง และชลบุรี

————————–

ข่าว-ภาพโดย/ธนภัท กิจจาโกศล ,สมยศ สินธุพันธ์, รักพงษ์ กิตติวรเมธี, เด่นชัย วิสุทธิ์วุฒิพงษ์, สมศักดิ์ ปัญญาสัย ทีมข่าวสระแก้ว

 

 

 

 

 

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

Picture of ธนภัท กิจจาโกศล

ธนภัท กิจจาโกศล

"ธนภัท กิจจาโกศล" ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สระแก้ว "ประสบการณ์ยาวนานกับงานสื่อสารมวลชนระดับประเทศ ในกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ จับงานด้านข่าว สกู๊ปและรายงานพิเศษ กว่า 22 ปี มุ่งสื่อสารความจริงและข่าวสารที่เป็นธรรม สู่ประชาชนในภูมิภาค ด้วยจรรยาบรรณของฐานันดรที่ 4 เพื่อสร้างความโปร่งใสการรับรู้ข่าวสารของสังคม"