ปราจีนบุรี – ชาวบ้านกลุ่มปราจีนเข้มแข็งรุกต่อ!! บุกยื่นค้านเวทีรับฟังความเห็นโรงไฟฟ้าขยะ ชี้ถูกเลือกปฏิบัติ กีดกันสิทธิ “จึงสมควรเป็นโมฆะ” กลุ่มชายชุดดำส่วนหนึ่งที่ยืนตรวจการณ์ควบคุมการเข้า-ออก จะให้ผู้เข้าร่วมประชุมที่ผู้นำส่วนท้องถิ่นเป็นผู้จัดหามาหมู่บ้านละ 20 คน สามารถผ่านจุดคัดกรองนี้ไปได้โดยง่าย ในขณะที่ชาวบ้านกลุ่มปราจีนเข้มแข็งกลับถูกตรวจค้นเข้มข้นกว่า และแม้จะผ่านจุดคัดกรองด่านแรกที่เจรจาให้สามารถนำป้ายข้อความแสดงจุดยืนคัดค้านโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมผ่านเข้าไปได้ ก็ต้องพบกับด่านชายชุดดำอีกกลุ่มหนึ่งยืนตั้งแถวหน้ากระดาน 2 แถว ปิดกั้นไม่ให้ผ่านไปโดยง่าย โดยยืนยันไม่ให้นำป้ายคัดค้านเข้าไปในที่ประชุม และยังกล่าวด้วยว่า บริษัทไม่รับฟังความเห็นต่าง
เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตัวแทน “กลุ่มปราจีนเข้มแข็ง” กว่า 50 คน เดินทางมายังศาลากลางจังหวัดปราจีนบุรี เพื่อยื่นหนังสือคัดค้านผลการจัดเวทีประชุมรับฟังความคิดเห็น สำหรับการศึกษาและจัดทำรายงานประมวลหลักการปฏิบัติ (CoP) โครงการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงขยะอุตสาหกรรม บริษัท กรีน แคร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด, บริษัท มี พรีม เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด, และ บริษัท พราวฟ้า พาวเวอร์ จำกัด ทั้ง 3 โครงการ ซึ่งจัดประชุมในวันที่ 26-27 ธันวาคม 2566 โดยนายรณรงค์ นครจินดา ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี เป็นผู้ออกมารับหนังสือร้องเรียนดังกล่าวด้วยตนเอง
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 26 ธันวาคมที่ผ่านมา “กลุ่มปราจีนเข้มแข็ง” ซึ่งประกอบด้วยอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และชาวบ้านตำบลลาดตะเคียน ตำบลหาดนางแก้ว และตำบลใกล้เคียง ผู้มีข้อกังวลต่อผลกระทบของโรงไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงขยะอุตสาหกรรม 3 โรงของบริษัทดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม วิถีชีวิตความเป็นอยู่ และสุขภาพอนามัยของประชาชน เนื่องจากการดำเนินการตั้งโรงงานผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงขยะอุตสาหกรรม บนที่ดินที่มีพื้นที่ต่อเนื่องกัน 62 ไร่ ในนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค กบินทร์ ต.ลาดตะเคียน อ.กบินทร์บุรี จำนวน 3 โรง ซึ่งแต่ละโรงมีกำลังการผลิตโรงละ 9.9 เมกะวัตต์ เมื่อนำมารวมกันจะมีกำลังการผลิตถึง 29.7 เมกะวัตต์
ชาวบ้าน ระบุว่า เมื่อทราบเรื่องการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นเพื่อประกอบการขออนุญาตประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงขยะอุตสาหกรรม จึงมีความประสงค์ที่จะเข้าร่วมประชุมด้วย โดยมีชาวบ้านกว่า 300 คนเดินทางไปรวมตัวกันที่นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค กบินทร์ แต่กลับพบกลุ่มชายฉกรรจ์สวมชุมดำกว่า 50 คน สวมหมวกและหน้ากากปิดปกคลุมใบหน้า และพบบุคคลซึ่งระบุตนว่าเป็นผู้ประสานของโครงการพยายามกีดกันไม่ให้ประชาชนเข้าร่วมประชุม โดยบุคคลเหล่านี้ มีบางรายที่พกอาวุธปืนด้วย
ชาวบ้านยังระบุถึงการถูกเลือกปฏิบัติว่า กลุ่มชายชุดดำส่วนหนึ่งที่ยืนตรวจการณ์ควบคุมการเข้า-ออก จะให้ผู้เข้าร่วมประชุมที่ผู้นำส่วนท้องถิ่นเป็นผู้จัดหามาหมู่บ้านละ 20 คน สามารถผ่านจุดคัดกรองนี้ไปได้โดยง่าย ในขณะที่ชาวบ้านกลุ่มปราจีนเข้มแข็งกลับถูกตรวจค้นเข้มข้นกว่า และแม้จะผ่านจุดคัดกรองด่านแรกที่เจรจาให้สามารถนำป้ายข้อความแสดงจุดยืนคัดค้านโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมผ่านเข้าไปได้ ก็ต้องพบกับด่านชายชุดดำอีกกลุ่มหนึ่งยืนตั้งแถวหน้ากระดาน 2 แถว ปิดกั้นไม่ให้ผ่านไปโดยง่าย โดยยืนยันไม่ให้นำป้ายคัดค้านเข้าไปในที่ประชุม และยังกล่าวด้วยว่า “บริษัทไม่รับฟังความเห็นต่าง”
แม้จะมีตัวแทนของกลุ่มชาวบ้าน 5 คน ที่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งของบริษัททุกประการจนสามารถเข้าร่วมประชุมได้ แต่พวกเขากลับพบว่าบริษัทและบริษัทที่ปรึกษาที่มาจัดเวทีรับฟังความคิดเห็น จำกัดสิทธิในการแสดงความคิดเห็นให้เวลาเพียงคนละ 3 นาที เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ทาง “กลุ่มปราจีนเข้มแข็ง” จึงได้เดินทางมายื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี เนื่องจากเห็นว่า “พฤติกรรมต่าง ๆ ของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับโรงไฟฟ้าขยะดังที่ได้กล่าวไปข้างต้น นับเป็นการกีดกันการใช้สิทธิชุมชนตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 58 และไม่เป็นการรับฟังความคิดเห็นอย่างจริงใจ เปิดกว้าง และเท่าเทียม ดังนั้น ผลการจัดเวทีประชุมรับฟังความคิดเห็นและทำความเข้าใจกับประชาชนและผู้มีส่วนได้เสีย สำหรับการศึกษาและจัดทำรายงานประมวลหลักการปฏิบัติ (CoP) โครงการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงขยะอุตสาหกรรม บริษัท กรีน แคร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด, บริษัท มี พรีม เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด และ บริษัท พราวฟ้า พาวเวอร์ จำกัด ทั้ง 3 โครงการ ที่มีการประชุมในวันที่ 26-27 ธันวาคม 2566 จึงสมควรเป็นโมฆะ”
ทั้งนี้ ในหนังสือที่ยื่นต่อผู้ว่าฯ ยังระบุทิ้งท้ายด้วยว่า “พวกเราขอยืนยันคัดค้านการประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงขยะอุตสาหกรรม ในนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค กบินทร์ ทั้งนี้ ไม่ว่าโครงการดังกล่าวจะเป็นของบริษัทใด ๆ ก็ตาม”
—————————
ข่าว-ภาพโดย/ทองสุข สิงห์พิมพ์
