สระแก้ว – 3 วัยรุ่นตาพระยาห้าว ขับรถกลับบ้าน ตะโกนให้”ควย”กับอริวัยรุ่นมอไซด์เจ้าถิ่น โดนคู่อริรวมตัวเอารถกระบะและรถจักรยานยนต์ พร้อมพวก เกือบ 10 คน ขับไล่ชน ปาดหน้า และขว้างขวดเบียร์ใส่หน้าจนรถล้ม เจ็บสาหัส ต้องหนีตายซ่อนตัวในป่าข้างทาง ส่วนรถ จยย.ถูกทุบทำลาย ยึดกุญแจและนำทรัพย์สินในรถไปจนหมด ล่าสุด ตำรวจ สภ.ตาพระยา ได้ออกหมายเรียกกลุ่มวัยรุ่นผู้ก่อเหตุ มาพบพนักงานสอบสวน เพื่อสอบสวนปากคำ แต่ยังตกลงกันไม่ได้ หากยังตกลงกันไม่ได้ เตรียมดำเนินคดี ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กฯ ผ่านอัยการและทีมสหวิชาชีพ ตามกฎหมาย
เมื่อวันที่ 28 ม.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบกรณีภาพคลิปกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ใช้รถกระบะและจักรยานยนต์ ยกพวกไล่ชนกันบนถนนหลวง จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ พบว่า กรณีนี้มีการแจ้งความไว้ที่ สภ.ตาพระยา จ.สระแก้ว เมื่อเวลา 09.14 น.วันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยผู้ปกครองของ นายธนดล อินทร์พลา อายุ 15 ปี ที่อยู่ 313 หมู่ที่ 1 ต.ตาพระยา อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว มาพบกับ พ.ต.ท.เอกณรักษ์ มูลหาร สว.(สอบสวน) สภ.ตาพระยา แจ้งว่า เมื่อวันที่ 20 ม.ค.67 เวลา 20.20 น. ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์มากับพวกอีก 2 คน กำลังจะกลับบ้านที่ตลาดตาพระยา เมื่อถึงที่เกิดเหตุ บริเวณโรงงานรีไซเคิล หมู่ที่ 1 ต.ตาพระยา อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ได้มีรถยนต์กระบะตีคู่มาและ มีนายกานต์ ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง พร้อมพวกอีกประมาณ 7-8 คน ทำร้ายนายธนดลฯโดยใช้ขวดแก้วโยนมาโดน ที่ใบหน้าของนายธนดลฯ ได้รับบาดเจ็บบริเวณหน้า และทำให้รถจักรยานยนต์ที่ขับขี่มาล้มลง ทำให้มีแผลถลอกบริเวณแขนฝั่งซ้าย ไหล และข้อมือ เป็นแผลฉกรรจ์
ทั้งนี้ นายธนดลฯกับพวก เกิดความกลัว จึงได้วิ่งหนีเข้าไปหลบในป่าใกล้บริเวณที่เกิดเหตุ เมื่อคิดว่าตนเองปลอดภัยแล้ว ได้โทรแจ้งแม่ให้มารับตัวและได้เรียกรถกู้ชีพ นำตัวส่งโรงพยาบาลตาพระยา เพื่อรักษาตัว และต่อมา ได้เดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์ประสงค์ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดี กับนายกานต์ฯ จนกว่าคดีจะถึงที่สุด ซึ่ง พ.ต.ท.เอกณรักษ์ มูลหาร สว.(สอบสวน) สภ.ตาพระยา ได้รับแจ้งไว้แล้ว จะดำเนินการสอบสวนต่อไป
นายธนดล อินทร์พลา อายุ 15 ปี ที่อยู่ 313 หมู่ที่ 1 ต.ตาพระยา อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว เล่าให้ฟังว่า “ช่วงค่ำผมได้ไปเที่ยวบ้านเพื่อน ที่บ้านมะกอก กลับเวลาประมาณ 2 ทุ่ม พร้อมกลุ่มเพื่อน ๆ ด้วยรถมอเตอร์ไซด์ 4 คัน เมื่อมาถึงโค้งบ้านมะกอก มีกลุ่มวัยรุ่นจอดรถมอเตอร์ไซด์อยู่ 3 คัน ผมตะโกนให้ “ควย” วัยรุ่นกลุ่มนั้น และขับมาสักพัก ได้มีรถกระบะขับไล่ชนท้าย โดยมีกลุ่มวัยรุ่นขับรถมอเตอร์ไซด์ตามหลังรถกระบะมาด้วย ผมและกลุ่มเพื่อนได้ขับหนี ใช้ความเร็วมากกว่า 100 กม./ชม. เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ ได้มีรถกระบะบรรทุกกลุ่มวัยรุ่นด้านท้าย ผมจำชื่อได้ 3 คน ขับมาเบียด พร้อมปาดหน้ารถมอเตอร์ไซด์ ในจังหวะที่รถกระบะขับเข้ามาเบียด ได้มี 1 ในกลุ่มวัยรุ่นที่นั่งท้ายกระบะ ได้ปาขวดเบียร์ใส่หน้าผม ทำให้ผมไม่สามารถบังคับรถมอเตอร์ไซด์ได้ รถได้ล้มลง”
ข่าวน่าสนใจ:
“ในใจคิดว่าต้องคอหักตายแน่ ๆ เพราะขับมาเร็วมาก แต่พอตั้งสติได้ผมและเพื่อนอีก 2 คน ได้ลุกวิ่งหนีและนอนหลบอยู่ในป่าข้างทาง ไม่กล้าขยับตัวไปไหน เพราะวัยรุ่นกลุ่มนั้นมี มีด ไม้ ขวด เป็นอาวุธในการก่อเหตุ ส่วนเพื่อนผมที่ขับมาด้วยอีก 3 คัน สามารถขับหนีไปได้ ในขณะที่ผมและเพื่อนอีก 2 คน หลบอยู่ในป่าข้างทาง กลุ่มวัยรุ่นที่นั่งมากับรถกระบะ ประกอบด้วย คนขับ 1 คน ไม่รวมคนที่นั่งอยู่ภายในรถ กลุ่มวัยรุ่นที่นั่งท้ายกระบะ 3 คน และกลุ่มวัยรุ่นที่ขับมอเตอร์ไซด์ 3 คัน ได้ตะโกนออกมาว่า “เอาแม่งให้ตายเลย” “นายธนดล เล่า
นอกจากนั้น เมื่อกลุ่มวัยรุ่นทั้งหมด หาตัวนายธนดลฯและเพื่อนไม่เจอ จึงได้ทุบทำลายรถจักรยานยนต์ที่นายธนดลฯ ขับมา และกลุ่มวัยรุ่นได้เอากุญแจรถจักรยานยนต์ไป พร้อมกับทรัพย์สินอื่น ๆ หลังจากนั้นได้ขับขี่รถหนีกลับไปทางบ้านมะกอก นายธนดลฯ จึงเดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกลับกลุ่มวัยรุ่นทั้งหมด ดังนี้ 1.ร่วมกันพยายามฆ่า ,2.ร่วมกันปล้นทรัพย์ในยามวิกาล ,3.ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ 4.ช่องโจร และ 5.ร่วมกันข่มขืนใจโดยมีอาวุธ
ล่าสุด จากการตรวจสอบจากกล้องวงจรปิด พบเยาวชนกลุ่มดังกล่าว มีการขับรถไล่ติดตามกลุ่มผู้เสียหายจริง ทั้งรถยนต์กระบะและรถจักรยานยนต์ ขณะที่คลิปเสียงการพูดคุยและแชทการพูดคุย ระบุ “ฆ่ามันพี่ฆ่ามัน ใครผิดก็ต้องฆ่ามัน” ซึ่งทางผู้เสียหายได้นำส่งให้พนักงานสอบสวนแล้ว โดย พ.ต.ท.เอกณรักษ์ มูลหาร สว.(สอบสวน) สภ.ตาพระยา พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ได้ออกหมายเรียกกลุ่มวัยรุ่นผู้ก่อเหตุและผู้เสียหาย มาพูดคุยกันแล้วถึง 3 ครั้ง โดยครั้งที่ 1-2 สารวัตรไม่อยู่ คนก่อเหตุไม่ยอมรับว่า เป็นคนทำ จึงตกลงกันไม่ได้ จึงมีการนัดมาพบพนักงานสอบสวนเป็นครั้งที่ 3 เมื่อวานนี้ (27 ม.ค.67 ) เพื่อสอบสวนปากคำอีกครั้ง มีผู้ปกครองและผู้เสียหาย 3 ราย และฝั่งผู้ก่อเหตุและผู้ปกครองอีกกว่า 10 คน ปรากฏว่า เจรจากันไม่ได้ ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน ซึ่งหากไม่สามารถพูดคุยกันได้ ทางพนักงานสอบสวนก็จะต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย เนื่องจากผู้เสียหายและผู้ก่อเหตุเป็นเยาวชน จำเป็นต้องนำเข้าสู่กระบวนการสอบสวนภายใต้ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กฯ โดยจะต้องนำส่งอัยการ เพื่อสอบสวนและแจ้งข้อกล่าวหาผ่าน ทีมสหวิชาชีพต่อไป
—————————–
ข่าว-ภาพโดย/เด่นชัย วิสุทธิ์วุฒิพงษ์ ,สมศักดิ์ ปัญญาสัย ทีมข่าวสระแก้ว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: