สระแก้ว – เกิดเหตุไฟโหมไหม้กองบ่อขยะเทศบาลเมืองสระแก้วกว่า 5 หมื่นตัน ที่ทับถมกันจนเกิดความร้อนและลุกไหม ควันไฟพวยพุ่งสู่ท้องฟ้าทั่วเมืองสระแก้ว จนสามารถมองเห็นได้ระยะไกล เรียกประชุมด่วน ระดมรถดับเพลิงกว่า 20 คัน ส่งผลให้ค่าฝุ่น PM 2.5 พุ่งไปอยู่ที่ 133 ต้องประกาศแจ้งเตือนเร่งด่วนชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียง
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 24 เม.ย.67 ผู้สื่อข่าวรานงานว่า เจ้าหน้าที่งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลเมืองสระแก้ว ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ประจำที่ศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูลแบบครบวงจร ของเทศบาลเมืองสระแก้ว ซึ่งตั้งอยู่พื้นที่ หมู่ที่ 4 บ้านเขาดิน ต.หนองบอน อ.เมืองสระแก้ว จ.สระแก้ว ว่าได้เกิดไฟโหมลุกไหม้ที่บริเวณใจกลางกองขยะขนาดใหญ่ ซึ่งมีพื้นที่กว่า 43 ไร่ ใกล้กับบริเวณอาคารกำจัดขยะ ซึ่งหลังรับแจ้ง นายตระกูล สุขกุล นายกเทศมนตรี ได้สั่งการให้รถดับเพลิงทั้งหมดของเทศบาลเมืองสระแก้ว เข้าพื้นที่ไประดมฉีดน้ำเพื่อสกัดไฟที่กำลังโหมลุกไหม้อย่างรุนแรง มีควันพวยพุ่งออกมาและมองเห็นได้ในระยะไกล พร้อมกับร้องขอสนับสนุนรถดับเพลิงจากเทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบล ที่อยู่ใกล้เคียงกว่า 10 คัน เพื่อเข้ามาช่วยดับไฟ เพราะเกรงว่า จะไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ เนื่องจากเป็นบ่อขยะขนาดใหญ่และเคยเกิดไฟไหม้มาแล้วหลายครั้ง
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางเทศบาลฯ ได้ใช้รถแบ็คโฮ เข้ามาช่วยเปิดกองขยะ เพื่อให้รถดับเพลิงสามารถเข้าไปฉีดน้ำลงไปในกองขยะได้ จนกระทั่ง เวลาประมาณ 15.00 น. จึงสามารถควบคุมไฟไหม้ไม่ให้ลุกลามได้ แต่ยังคงมีไฟประทุอยู่ตลอดเวลา และมีกลิ่นเหม็นที่เกิดจากการเผาไหม้เศษพลาสติกและขยะได้ฟุ้งกระจายไปทั่วพื้นที่เมืองสระแก้ว ตามทิศทางที่ลมพัดพาไป โดยหลังเกิดเหตุ นายเอกภพ โสภณ นายอำเภอเมืองสระแก้ว และนายตระกูล สุขกุล นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองสระแก้ว พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านสาธารณภัย ได้ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุทันที
โดยนายตระกูล สุขกุล นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองสระแก้ว กล่าวว่า สาเหตุที่เกิดไฟไหม้น่าจะเกิดจากความร้อนภายในกองขยะที่ทับถมกันอยู่เป็นจำนวนมาก ประกอบกับช่วงนี้อากาศร้อนจัดมาก บางวันอุณหภูมิสูงขึ้นถึง 40 องศาเซลเซียส จึงเกิดเป็นเปลวไฟลุกไหม้ขึ้นมาได้ ซึ่งเหตุการณ์เช่นนี้ เคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่งในปี 2566 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ทางเทศบาลสามารถควบคุมไฟไม่ให้ลุกลามต่อไปได้แล้ว และจะเฝ้าดูไว้และเฝ้าระวังไว้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้ไฟประทุขึ้นมาอีก ซึ่งขณะนี้จากการตรวจสอบภายหลังเกิดไฟไหม้บ่อขยะ พบว่า ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กหรือ PM 2.5 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 133 ทางเทศบาลจึงได้ประกาศเตือนชาวบ้านเนินเขาดิน หมู่ 4 และบ้านท่าแยก ต.หนองบอน อ.เมืองสระแก้ว ให้ระมัดระวังและป้องกันตนเองจากภาวะดังกล่าวด้วย
ขณะเดียวกัน นายชาตรี ผดุงพงษ์ ผอ.สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสระแก้ว และประชาสัมพันธ์จังหวัดสระแก้ว ได้ลงพื้นที่และเข้าไปตรวจสอบบริเวณกองขยะที่เพลิงกำลังลุก ซึ่งมีการระดมรถดับเพลิงมาดับไฟ จำนวน 20 กว่าคัน มาจาก อบต.และเทศบาลในเขตพื้นที่เมืองสระแก้ว ส่วนเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอสระแก้ว ได้เข้าตรวจวัดค่า PM 2.5 ที่บริเวณบ่อขยะและตามหมู่บ้านที่กระแสลมพัดไปถึง โดยเฉพาะบ้านเขาดินและบ้านท่าแยก ต.หนองบอน อ.เมืองสระแก้ว มีค่า PM2.5 สูงถึง133 ทำให้นายเอกภพ โสภณ นายอำเภอเมืองสระแก้ว ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันที ที่บริเวณศูนย์อำนวยการด้านหน้าบ่อขยะ และให้ผู้นำหมู่บ้านประกาศให้ชาวบ้านทราบ และหาทางป้องกันตัวเองด้วยการสวมแมสและหน้ากากอนามัย ซึ่งล่าสุด นายตระกูล สุขกุล นายกเทศบาลเมืองสระแก้ว ได้สั่งทางสาธารณะสุขเทศบาลเมืองสระแก้วจัดหาแมสและหน้ากากอนามัยไปแจกจ่ายให้ชาวบ้านอย่างเร่งด่วนด้วย
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ภายหลังนายเอกภพ โสภณ นายอำเภอเมืองสระแก้ว ได้เรียกประชุมด่วน ประกอบด้วย ผอ.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสระแก้ว, ปภ.จังหวัดสระแก้ว, ป้องกันจังหวัด ,เจ้าหน้าที่ทหารจาก มทบ.19 ,ตำรวจ สภ.เมืองสระแก้ว, สาธารณสุขอำเภอเมืองสระแก้ว, ท้องถิ่นจังหวัด ,นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองสระแก้ว และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดเตรียมแผนการปฎิบัติการดับไฟ โดยมีการตั้งเต็นท์อำนวยการด้านหน้าทางเข้าบ่อขยะ เพื่อเป็นศูนย์สั่งการ พร้อมขอกำลังเจ้าหน้าที่ทหารจาก ร.12 พัน 1 รอ.และทหารจาก มทบ.19 มาช่วยลากสายยาง ร่วมกับทางเทศบาลซึ่งได้จัดหารถแบคโฮเพิ่มอีก 2 คัน เพื่อเข้าไปเกลี่ยกองขยะ และเข้าปฏิบัติการดับไฟอย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชม. ซึ่งขณะที่มีการประชุมกันอยู่ ยังคงเกิดกลุ่มควันสีดำพวยพุงขึ้นบนท้องฟ้าตลอดเวลาด้วย ซึ่งล่าสุด เวลา 18.55 น.ที่ผ่านมา ไฟไหม้บ่อขยะเทศบาลเมืองสระแก้ว ผ่านไปแล้ว 8 ชั่วโมง ไฟยังคงลุกไหม้ ส่วนเจ้าหน้าที่ยังคงเร่งดับไฟกันตลอดเวลาเช่นกัน
——————————-
ข่าว-ภาพโดย/เด่นชัย วิสุทธิ์วุฒิพงษ์ ,สมศักดิ์ ปัญญาสัย ทีมข่าวสระแก้ว
