สระแก้ว – ดีเอสไอสั่งฟ้อง อดีต ผกก สภ.อรัญประเทศ และชุดสายสืบ รวม 8 คน กระทำผิดมาตรา 157 และ พรบ.อุ้มหาย สังเวยคดีลุงเปี๊ยก สามีป้ากบ และคดีทรชนลูกตำรวจมาตกรรมป้ากบ โดยทั้งหมดยังคงให้การปฏิเสธ ขณะที่ รกก.แทน ผกก.สภ.อรัญประเทศ ระบุ ให้คดีเป็นไปตามกฎหมาย
เมื่อวันที่ 12 ก.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีกลุ่มเยาวชนลูกตำรวจและวัยรุ่นก่อเหตุฆาตกรรม น.ส บัวผัน ตันสุ หรือ “ป้ากบ” อายุ 47 ปี หญิงสติไม่ค่อยดี เหตุเกิดเมื่อช่วงเดือน ม.ค.67 ที่ผ่านมา ในท้องที่ สภ.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ซึ่งฆาตกรตัวจริงคือ กลุ่มวัยรุ่น 5 คน ในพื้นที่อรัญประเทศ ซึ่ง 1 ในนั้น เป็นบุตรชายของ ตำรวจสายสืบผู้หนึ่งใน สภ.อรัญประเทศ โดยแนวทางการสืบสวนของชุดสืบสวน ได้มุ่งประเด็นไปที่ นายปัญญา หรือ “ลุงเปี๊ยก” คงแสนคำ อายุ 54 ปี ซึ่งมีอาการเป็นแอลกอฮลล์ลิซึ่ม และเป็นสามีป้ากบ เป็นผู้ลงมือฆ่า จึงมีการจับกุมตัวไปสอบสวนและใช้วิธีการทรมานต่าง ๆ อันไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยเฉพาะการใช้ถุงคลุมหัว จนลุงเปี๊ยกรับสารภาพ แต่ภายหลังความจริงจากภาพกล้องวงจรปิดที่ปรากฎเป็นหลักฐาน ชี้ชัดว่า ฆาตกรตัวจริง ไม่ใช่ลุงเปี๊ยก แต่เป็นกลุ่มเยาวชนทั้ง 5 คนดังกล่าว
กระทั่ง ทำให้ชุดสืบสวนในคดีดังกล่าว ทั้ง 8 นาย ถูกตั้งข้อกล่าวหา ในความผิดอาญา ตามมาตรา 157 และ พรบ.อุ้มหาย มาตรา 31 จนในที่สุด กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ”ดีเอสไอ” ได้รับเอาคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษที่ 9/2567 ไปสอบสวนร่วมกับอัยการจากสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมการปกครอง เพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย พร้อมกับส่งตัวลุงเปี๊ยก ไปรักษาโรคแอลกอฮอล์ลิซึ่มจนหายเป็นปกติ และมีสติสัมปชัญญะ พูดจารู้เรื่อง สามารถจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ดี และแพทย์ยืนยันว่า หายจากอาการของแอลกอฮอล์ลิซึ่มแล้ว ซึ่งระหว่างการสอบสวน คณะกรรมการได้สอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้อง 40 ปาก รวมทั้งเอกสารหลักฐานอื่น ๆ พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าหา ส่งพยานหลักฐานต่าง ๆ เพื่อแก้ข้อกล่าวหา
ล่าสุด เมื่อวันที่ 11 ก.ค.67 ที่ผ่านมา นายอังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ ผู้อำนวยการกองกิจการอำนวยความยุติธรรม กรมสอบสวนคดีพิเศษ และ นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน พร้อมด้วยคณะพนักงานสอบสวนร่วมกันประชุมพิจารณาสรุปความเห็นทางการจับกุมตัวลุงเปี๊ยกไม่ชอบด้วยกฎหมาย แม้จะอ้างว่าเป็นการเชิญตัวมาให้ปากคำก็ตาม แต่หลักฐานจากภาพกล้องวงจรปิด และการใส่กุญแจมือลุงเปี๊ยก ไม่สามารถหักล้างข้อกล่าวอ้างได้ จึงมีความผิดอาญาตาม ม.157 ส่วนพฤติการณ์ที่เข้าข่ายความผิดตาม พรบ.อุ้มหาย พ.ศ.2565 คือ มีการใช้ถุงดำคลุมหัว และเปิดแอร์เย็นจัดให้หนาว เพื่อให้ได้มาซึ่งคำรับสารภาพของลุงเปี๊ยก และ มาตรา 7 การจับกุมจะต้องส่งให้พนักงานสอบสวน เป็นผู้ดำเนินการสอบสวน แต่กรณีนี้ ไม่ได้นำตัวผู้ต้องสงสัยส่งให้พนักงานสอบสวนเป็นผู้สอบสวน แต่กลับนำตัวไปที่ห้องสืบสวน ซึ่งผิดขั้นตอน
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่องค์คณะเห็นชอบกับสำนวนการสอบสวนดังกล่าวแล้ว ก็จะส่งสำนวนให้กับสำนักงานอัยการปราบปรามการทุจริตภาค 2 ในปลายเดือนกรกฎาคม 2567 นี้ เพื่อดำเนินการต่อไป สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 8 นาย ที่ถูกกล่าวหาดังกล่าว ประกอบด้วย พ.ต.อ.พิเชษฐ์ ศรีจันทร์ตรา อดีต ผกก.สภ.อรัญประเทศ ,พ.ต.ท.พิชิต วัฒโน รอง ผกก.สส. ,พ.ต.ท.นิติธร พิมพ์คำ สว.สส. ,ร.ต.อ.พงศภัค พลแสน รอง สว.สส., ร.ต.อ.พชร บุญอินราทากูร รอง สว.สส. ,ด.ต.ภิเศก พวงมาลีประดับ หรือดาบเศก ผบ.หมู่ สส. ,จ.ส.ต.ทวีศักดิ์ พูนสะสมทรัพย์ ผบ.หมู่ สส., และ ส.ต.อ.ชัยศิริ สุรโฆษิต ผบ.หมู่ สส.สภ.อรัญประเทศ ซึ่งทั้งหมดยังคงให้การปฎิเสธ และต้องการต่อสู้คดีต่อไป
ทางด้าน พ.ต.อ.มนตรี ชูยิ่ง รักษาราชการแทน ผกก.สภ.อรัญประเทศ เปิดเผยว่า สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้้ง 8 นายนั้น ขณะนี้ในส่วนของ ผกก.สภ.อรัญประเทศ และ รอง ผกก.สืบฯ ตอนนี้ย้ายไปปฏิบัติงานที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว ส่วน ด.ต.ภิเศก พวงมาลีประดับ หรือดาบเศก ผบ.หมู่ สส.นั้น ได้ขอย้ายไปอยู่ที่สถานีตำรวจอื่นแล้วและที่เหลืออีก 5 นาย ยังอยู่ปฏิบัติหน้าที่อยู่และการปฏิบัติงานไม่กระทบต่อการให้บริการประชาชน ในส่วนของคดีก็ให้ดำเนินการไปตามกฎหมาย ซึ่งก็มีการเดินทางไปให้ปากคำและสอบสวนกันเป็นระยะ ๆ ซึ่งหลังจากนี้ ก็ขึ้นอยู่กับศาลจะพิจารณาอย่างไร ใครถูกผิดก็ต้องว่ากันไปตามพยานหลักฐาน และต้องยอมรับว่า ขณะนี้ตำรวจก็เสียขวัญบ้าง ถือว่า เป็นกรณีตัวอย่างให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ หากจะทำอะไรต้องระมัดระวัง เพราะเราก็ต้องทำหน้าที่ให้ประชาชนเชื่อมั่น การปฏิบัติหน้าที่อาจจะเกิดข้อผิดพลาดได้บ้าง หรือทำผิดกฎหมายหรือไม่ ขณะเดียวกัน ในส่วนของลูกน้อง ก็ต้องตั้งคนมาช่วยเหลือดูแลตามสิทธิในรายละเอียดในเรื่องคดีกันต่อไป
———————————
