X

ตำรวจบุกเซฟเฮ้าส์แก๊งคอลเซ็นเตอร์ เช่ารีสอร์ทยาว 6 เดือน เพื่อติดตั้งอุปกรณ์ “SIM BOX”ใกล้ชายแดน ใช้โทรหลอกคนไทย

สระแก้ว – ตำรวจภาค 2 จับมือตำรวจสระแก้วและสอบสวนกลาง บุกเซฟเฮ้าส์แก๊งคอลเซ็นเตอร์ เช่ารีสอร์ทยาว 6 เดือน เพื่อติดตั้งอุปกรณ์ “SIM BOX” ใช้โทรหลอกลวงคนไทย พบขณะเข้าตรวจยึดอุปกรณ์ในเซฟเฮ้าส์ใกล้ชายแดนไทย-กัมพูชา อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว โดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังใช้งานโทรศัพท์ที่เชื่อมต่อซิมการ์ด 265 ซิม โทรหลอกคนไทยอยู่

เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 16 ก.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 สั่งการให้ พล.ต.ต.ฉัตรชัย สุรเชษฐพงษ์ รอง ผบช.ภ.2, พล.ต.ต.ออมสิณ บุญญานุสนธิ์ ผบก.ภ.จว.สระแก้ว, พ.ต.อ.จตุรภัทร  สิงหัษฐิต รอง ผบก.ภ.จว.สระแก้ว, พ.ต.อ.ดำรง เอี่ยมไพโรจน์  ผกก.สส.ภ.จว.สระแก้ว, พ.ต.อ.อโณทัย จินดามณี  ผกก.สภ.คลองลึก จ.สระแก้ว ,พ.ต.ท.ตฤณ ลีลานุช สว.กลุ่มงานสนับสนุน บก.ปอท. นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว, ชุดสืบสวน สภ.คลองลึก,เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอท. กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดสระแก้ว โดยสนธิกำลังร่วมกันนำหมายค้นเลขที่ ค113/2567 ของศาลจังหวัดสระแก้ว บุกเข้าตรวจค้นรีสอร์ทแห่งหนึ่งชื่อว่า คำเสียงรีสอร์ท เลขที่ 178 (ห้อง 10) ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากริมชายแดนประมาณ 1 กม.เศษ พื้นที่หมู่ที่ 6 ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ. สระแก้ว โดยมี นายเกียรติศักดิ์ คำเสียง เจ้าของรีสอร์ทดังกล่าวและพนักงานรีสอร์ท นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบห้องพักดังกล่าว

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การบุกเข้าตรวจค้นเซฟเฮ้าส์ดังกล่าว เกิดขึ้นภายหลังชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว และชุดสืบ สภ.คลองลึก ได้รับแจ้งจากประชาชนในพื้นที่ จ.สระแก้ว โดยให้ข้อมูลว่า ถูกแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ซึ่งได้ใช้เบอร์โทรศัพท์มือถือในประเทศไทย โทรติดต่อเข้ามาหาและพยายามหลอกลวงตามขั้นตอนของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พ.ต.อ.จตุรภัทรฯ จึงสั่งการให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.สระแก้ว และ ชุดสืบสวน สภ.คลองลึก ได้ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอท.ออกทำการสืบสวนหาข่าว จนกระทั่งสามารถตรวจสอบจนพบว่า สัญญาณโทรศัพท์ดังกล่าว ได้มีการส่งจากพื้นที่บริเวณห้องเช่าของรีสอร์ท ห้องเช่าเลขที่ 178 (ห้อง10) ของคำเสียงรีสอร์ท จึงรวบรวมพยานหลักฐานจนกระทั่งทราบแน่ชัดว่า เป็นแหล่งเชื่อมต่อสัญญาณโทรศัพท์ขนาดใหญ่จุดหนึ่งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์และมีการกระทำความผิดกฎหมาย จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายค้นจากศาลจังหวัดสระแก้ว กระทั่ง มีการเปิดปฏิบัติการบุกเข้าตรวจค้น พบเครื่องแปลงสัญญาณโทรศัพท์ Sim Box (GSM Gateways) จำนวน 2 เครื่อง โดยแต่ละเครื่อง สามารถใส่ซิมการ์ดได้มากถึง 128 ซิม รวม 2 เครื่อง สามารถใส่ซิมการ์ดโทรศัพท์ได้ถึง 256 ซิม พร้อมกับมี เราเตอร์ไวไฟอินเตอร์เน็ต จำนวน 1 เครื่อง ที่ติดตั้งและเปิดสัญญานอยู่ภายในห้องตลอดเวลา โดยระหว่างเข้าตรวจสอบมีการออนไลน์สัญญาณโทรหลอกลวงคนไทยอยู่ ซึ่งมีการต่อกล้องวงจรปิดไว้ด้วย แต่ไม่พบผู้อยู่อาศัย เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานและ ปอท. จึงร่วมกันตรวจยึดอุปกรณ์ทั้งหมดมาตรวจสอบที่ สภ.คลองลึก จ.สระแก้ว

พ.ต.อ.จตุรภัทร สิงหัษฐิต รอง ผบก.ภ.จว.สระแก้ว ให้ข้อมูลว่า ระบบของเครื่องแปลงสัญญานโทรศัพท์ หรือ Sim Box ทั้ง 2 เครื่อง และเราเตอร์ไวไฟอินเตอร์เน็ต ที่ตรวจพบและทำการตรวจยึดได้ในรีสอร์ท บริเวณชายแดน ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เชื่อว่า เป็นอุปกรณ์ของขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา โดยได้ส่งคนมาขอเช่าห้องพัก แล้วติดตั้งสัญญานอินเตอร์เน็ต เพื่อกระจายสัญญานเข้าซิมบ็อก แล้วแปลงสัญญานมาเป็นสัญญานโทรศัพท์มือถือ เพื่อให้เบอร์ที่โทรออกเป็นเบอร์ในประเทศไทย สำหรับใช้โทรหลอกลวงคนไทยในฝั่งประเทศไทย ซึ่งซิมบ็อกแต่ละเครื่องสามารถใส่ซิมการ์ดได้ถึงเครื่องละ 128 ซิม รวม 2 เครื่อง ใส่ซิมการ์ดได้ถึง 256 ซิม สามารถโทรเข้าไปหลอกคนไทยได้ครั้งทีเดียว 256 เบอร์ หรือโทรหลอกประชาชนได้หลายแสนครั้งใน 1 ต่อเดือน ด้วยเบอร์มือถือในประเทศปกติ ทั้งที่พวกนี้อยู่ในฝั่งกัมพูชา สร้างความเสียหายจำนวนมาก ซึ่งอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่แปลงสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ผ่านทางอินเตอร์เน็ตนี้ มีมูลค่าชุดละประมาณ 70,000 บาท คาดว่า จะมีการติดตั้ง Sim Box ลักษณะนี้ไว้ในพื้นที่รีสอร์ทหรือห้องเช่าบริเวณชายแดนอีกหลายจุด

จากการสอบถาม นายเกียรติศักดิ์ คำเสียง เจ้าของรีสอร์ทดังกล่าว และพนักงานหญิงผู้ดูแลรีสอร์ท ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ว่า ผู้ที่มาติดเช่าห้องดังกล่าวชื่อว่า น.ส.จิรสุตา สิงห์จังหรีด อายุ 21 ปี เป็นชาว อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว โดยมาติดต่อเช่าห้องเมื่อวันที่ 21 มิ.ย.67 และมีคนเข้ามาดู 2 คน ในวันที่ 23 มิ.ย.67 จากนั้นในช่วงปลายเดือน ได้มีคนนำอุปกรณ์เข้ามาแต่ไม่รู้ว่า เป็นอะไรแล้วเข้าไปติดตั้ง โดยขอติดตั้งอินเตอร์เนตของตัวเอง อ้างว่า ไวไฟของรีสอร์ทไม่แรง จากนั้นก็ปิดห้องไว้จนกระทั่งตำรวจเข้ามาตรวจสอบ ซึ่งผู้เช่าขอเช่าห้องเป็นเวลา 6 เดือน ค่าเช่าเดือนละ 3,500 บาท รวมจ่ายเงินล่วงหน้าไว้ เป็นเงิน 23,000 บาทรวมค่ามัดจำ ซึ่งตั้งแต่เข้ามาปิดห้องและนำของเข้ามาติดตั้ง เคยเห็นเข้ามาเพียงครั้งเดียว ซึ่งไม่ทราบว่า เขามาเปิดห้องไว้ทำอะไรบ้าง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำเจ้าของรีสอร์ทและพนักงานหญิงผู้ดูแลรีสอร์ทเพื่อสืบสวนขยายผลจับกุมต่อไป เนื่องจากมีภาพจากกล้องวงจรปิด การเข้ามาดำเนินการดังกล่าวของกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไว้เป็นหลักฐานด้วย

ทางด้าน พล.ต.ต.ฉัตรชัย สุรเชษฐพงษ์ รอง ผบช.ภ.2 ซึ่งเดินทางลงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะเจ้าหน้าที่บุกเข้าตรวจสอบและตรวจยึดอุปกรณ์ดังกล่าว เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 2 ได้ปฏิบัติการร่วมกับหน่วยงานของตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว สภ.คลองลึก และตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อเข้าตรวจสอบพื้นที่บริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อบังคับใช้กฎหมายกับกลุ่มขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ไม่ให้ก่อเหตุกับคนไทย ซึ่งเราเจอซิมบ๊อก 2 ตัว สามารถบรรจุซิมได้ถึงเครื่องละ 128 ซิม หรือ 256 ซิม ซึ่งขณะจับกุมซิมบ๊อกยังทำงานอยู่และมีการโทรหลอกคนอยู่ ซึ่งเรากำลังเอาข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ของ ปอท.นำข้อมูลไปขยายผลต่อ หลังจากนี้เราจะดำเนินการกับผู้ที่ดำเนินการและครอบครองอุปกรณ์ตามข้อหาความผิดตามกฏหมาย กสท.

“ขณะนี้เราพอทราบกลุ่มเครือข่ายและขบวนการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลุ่มนี้แล้ว เจ้าหน้าที่กำลังติดตามตัวละครที่เกี่ยวข้องอยู่ ซึ่งเราได้ร่วมกับ บชก., ตม.และภาค 2 สืบเนื่องจากมีเบอร์โทรเข้าไปในเบอร์ของเจ้าหน้าที่ของเราด้วย จึงไล่เช็คจนพบจัดที่มีการติดตั้งซิมบ๊อกนี้ ซึ่งเราต้องรีบดำเนินการเพราะหากทางแก๊งคอลเซ็นเตอร์รู้ตัว จะสามารถเคลื่อนย้ายได้เร็ว และปัจจุบันไปสร้างความเสียหายและก่อความเดือดร้อนให้กับประชาชนเยอะ ตำรวจจึงพยายามแก้ไขและยับยั้งให้เร็วที่สุด ” พล.ต.ต.ฉัตรชัย กล่าว

—————————–

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

ธนภัท กิจจาโกศล

ธนภัท กิจจาโกศล

"ธนภัท กิจจาโกศล" ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สระแก้ว "ประสบการณ์ยาวนานกับงานสื่อสารมวลชนระดับประเทศ ในกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ จับงานด้านข่าว สกู๊ปและรายงานพิเศษ กว่า 22 ปี มุ่งสื่อสารความจริงและข่าวสารที่เป็นธรรม สู่ประชาชนในภูมิภาค ด้วยจรรยาบรรณของฐานันดรที่ 4 เพื่อสร้างความโปร่งใสการรับรู้ข่าวสารของสังคม"