เครือข่ายภาคประชาชนยื่น ปปช.สระแก้ว ตรวจสอบ จนท.สรรพสามิต

สระแก้ว – เครือข่ายภาคประชาชนฯ เข้ายื่นร้อง ปปช.สระแก้ว ขอให้ตรวจสอบและดำเนินการกับเจ้าหน้าที่สรรพสามิต กระทำความผิดในฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐ กรณีจับกุมบุหรี่เถื่อน บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จ.สระแก้ว

เมื่อวันที่ 17 ส.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอัมรินทร์ ยี่เฮง เครือข่ายภาคประชาชนจังหวัดสระแก้ว และนักเคลื่อนไหว เปิดเผยว่า ได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนพร้อมหลักฐานเพิ่มเติม ให้ ปปช.สระแก้ว เช่น สลิปการโอนเงินของญาติผู้ต้องหา ที่โอนไปให้เจ้าหน้าที่คนหนึ่ง ซึ่งมีชื่อและเป็นเจ้าหน้าที่สรรพสามิตสระแก้ว ภายหลังจากก่อนหน้านี้ได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนกรณีมีการเข้าจับกุมบุหรี่เถื่อนในพื้นที่่ อ.คลองหาด จ.สระแก้ว บริเวณสี่แยกมุ่งหน้าไปยังตลาดเขาดิน อ.คลองหาด จ.สระแก้ว ซึ่งการจับกุมของเจ้าหน้าที่สรรพสามิตดังกล่าว เป็นการจับกุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารสังกัดกองกำลังบูรพาหน่วยหนึ่ง โดยตั้งด่านตรวจตามภาระกิจในช่วงเวลาประมาณ 03.22 น.วันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจค้นรถกระบะคันหนึ่ง พบบุหรี่ต่างประเทศหลายยี่ห้อที่ไม่ได้เสียภาษีจำนวนมากถึง 50 ลัง จึงได้จับกุมคนขับรถและยึดของกลางทั้งหมด แต่ภายหลังการจับกุมและยึดของกลางดังกล่าวแล้ว ไม่ได้มีการนำตัวผู้กระทำผิดและของกลางส่งไปยังพนักงานสอบสวน สภ.คลองหาด อ.คลองหาด จ.สระแก้ว พื้นที่เกิดเหตุ เพี่อทำบันทึกการจับกุมและดำเนินการปรับตามกฎหมายของสรรพสามิต หรือนำตัวผู้กระทำผิดส่งฟ้องต่อศาลตามขั้นตอน แต่เจ้าหน้าที่สรรพสามิต ได้นำผู้กระทำผิดไปกักตัวไว้ที่สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่สระแก้ว สาขาอรัญประเทศ เพื่อจุดประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่ง จนกระทั่งถึงเวลา 04.00 น ของวันเดียวกัน รวมเวลานานถึง 15 ชั่วโมง จึงนำตัวส่งไปทำบันทึกการจับกุมที่ สภ.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ  จ.สระแก้ว ซึ่งไม่ใช่พื้นที่การจับกุม

อย่างไรก็ตาม นายอัมรินทร์ฯ ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนดังกล่าวต่อเจ้าหน้าที่่ ปปช.สระแก้ว ระบุว่า การกระทำของเจ้าหน้าที่ดังกล่าว น่าจะมีความผิดต่อกฎหมายอาญาหลายบท รวมทั้ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการกระทำทรมาน หรือ พ.ร.บ.อุ้มหายฯ เพื่อให้มีการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวตามกฎหมาย รวมทั้งได้นำหลักฐานเพิ่มเติม ประกอบด้วย สลิปการโอนเงินสดจากญาติของผู้ต้องหา เข้าบัญชีส่วนตัวของเจ้าหน้าที่รายดังกล่าว หลังวันเกิดเหตุ นอกจากนั้น ยังเรียกร้องให้ผู้หลักผู้ใหญ่ในจังหวัดสระแก้ว ไม่ควรปล่อยปละละเลยเรื่องนี้

—————————