สระแก้ว – ตำรวจ สภ.คลองหาด นำภาพผู้ต้องสงสัยไปให้คุณยายวัย 66 ปี ถูกทุบหัวชิงเงิน 3 แสนบาท เพื่อชี้ตัวยืนยัน อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับ พบจุดเกิดเหตุเป็นเส้นทางเปลี่ยว หลายคนเชื่อมีผู้รู้เห็นยายนำเงินจำนวนมากติดตัวไป ก่อนลงมือก่อเหตุ
เมื่อวันที่ 17 ต.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีคุณยายววัย 66 ปี ถูกทุบหัวชิงทรัพย์เงินสด 3 แสนบาท พื้นที่ ต.คลองหาด อ.คลองหาด จ.สระแก้ว เหตุเกิดเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา โดย พ.ต.อ.จากเทพ ผงผาย ผกก.สภ.คลองหาด เปิดเผยว่า ขณะนี้ความคืบหน้าคดีนี้ พนักงานสอบสวน ตำรวจชุดสืบสวน สภ.คลองหาด ร่วมกับกองกำกับการสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว ลงพื้นที่เก็บข้อมูลจากกล้องวงจรปิด รวมทั้งสอบปากคำผู้เสียหาย ผู้ใกล้ชิดที่เป็นลูกชาย และผู้เกี่ยวข้องเกือบทั้งหมดแล้ว ขณะนี้คืบหน้าไปมากกว่า 85 % ขณะนี้ได้ภาพและรูปพรรณสัณฐานของผู้ก่อเหตุแล้ว โดยสั่งการให้ ร.ต.อ.เอกวุฒิ เพ็ชรสมบัติรอง สว.(สอบสวน) ร้อยเวรเจ้าของคดี นำภาพและรูปพรรณสัณฐานของผู้ก่อเหตุไปให้ นางจำเนียร ยอดกุล อายุ 66 ปี ที่อยู่ 68 หมู่ 13 ต.คลองหาด อ.คลองหาด จ.สระแก้ว ผู้เสียหาย ชี้ตัวและสอบเพิ่มเติมที่ห้องพักผู้ป่วยศัลยกรรมหญิง ชั้น 2 รพ.สมเด็จพระยุพราชสระแก้ว ในช่วงบ่ายวันนี้้ (17 ต.ค.) โดยปิดห้องสอบนานกว่า 1 ชม.
ทั้งนี้ พ.ต.อ.จากเทพ ระบุว่า ตำรวจต้องรวบรวมพยานหลักฐษนให้แน่ชัดว่า เป็นผู้ก่อเหตุจริง หากสามารถยืนยันได้ว่า มีหลักฐานเชื่อมโยงจริง ก็สามารถออกหมายจับได้ทันที ตอนนี้ต้องรอให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ภ.จว.สระแก้ว และชุดสืบสวนทำการรวบรวมพยานหลักฐานก่อน ซึ่งผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวัน ตำรวจได้นำข้อมูลต่าง ๆ มาหาความเชื่อมโยงประกอบกับภาพจากกล้องวงจรปิดที่ตรวจพบ หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์จากวัตถุพยาน เช่น รถจักรยานของผู้เสียหาย ก้นบุหรี่ ถังน้ำ และคำให้การของผู้เสียหาย ซึ่งสามารถจำรูปร่างและท่าทางของคนร้ายได้บางส่วน เนื่องจากคนร้ายไปซุ่มรอเพื่อดักทำร้ายและชิงเงินไป โดยใช้ผ้าคลุมปิดหน้า อีกคนสวมหมวกกันน๊อค อุ้มรถจักรยานที่ใช้เป็นพาหนะขณะหลบหนี
ข่าวน่าสนใจ:
- เอเย่นต์ยาบ้าร้องไห้โฮ หลังชุด ฉก.ปกครองบุกจับ ตรวจพบของกลางกลับโทษภรรยา ไม่ยอมซุกซ่อนยาเสพติดให้ดี จ.สระแก้ว
- กองบิน 5 แถลงข่าวการจัดงาน “สดุดีวีรชน 8 ธันวาคม 2484” รำลึกถึงความกล้าหาญ และความสามัคคีของวีรชนผู้กล้า ในสมัยสงครามมหาเอเชียบูรพา
- อ่วม... ศาลตัดสินจำคุก 30 ปีเศษ ร่วมชดใช้กว่า 2.7 ล้านบาท บังลุคไม้ใหญ่และพวก คดีตัดไม้ใหญ่ลงติ๊กต๊อกบนภูเขาบ้านสองแพรก
- พบศพต่างชาติลอยอืดกลางอ่าวสัตหีบ สวมกางเกงตัวเดียว ข้อมือสัก อักษร HOPE CLUB ยังไม่ทราบว่าถูกฆ่าโยนทิ้งทะเลหรือจมน้ำตาย
นายสุดแดน หวังเฝ้ากลาง สมาชิกสภาเทศบาล ม.13 ต.คลองหาด ซึ่งนำผู้สื่อข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ เล่าว่า จุดเกิดเหตุอยู่ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 1 กม.เศษ เป็นเส้นทางเพื่อไปทำการเกษตร เชื่อต่อระหว่างหมู่ 4 บ้านเขาเลื่อม คาดว่า คนร้ายจะนั่งซุ่มบริเวณก่อกล้วยและต้นมะพร้าว ออกมาตีและลากไปทิ้งไว้ในป่าอ้อย จนกระทั่งรถขนไม้ลำไยผ่านมา แกก็คลานออกมาจากป่า ไม่รู้เกิดเหตุตอนกี่โมง จนเลือดแห้งแล้ว รอยเลือดยังอยู่ คางแตก กระดูกคอร้าว ซี่โครงหัก ข้างหลังแตกหมด จึงให้การช่วยเหลือและไปตามลูกชายมาดูก่อน จะเรียกกู้ภัยฯ มารับตัวไปส่ง รพ. ซึงคาดว่า จะเป็นเรื่องเงิน อีกอย่างใกล้แนวชายแดน แรงงานต่างชาติก็เยอะ ซึ่งเงิน 3 แสน ที่ถูกชิงไปเป็นเงินที่แกขายลำไยได้ ล้งมาวางเงินมัดจำ 250,000 บาท เมื่อวันที่ 11 ต.ค.และให้ลูกไปเบิกมาวันที่ 15 ต.ค. ระหว่างเอาเงินกลับมาบ้าน ก็ถูกทำร้ายและชิงเงินไป 3 แสน กับโทรศัพท์ 2 เครื่อง
นายสุดแดน กล่าวด้วยว่า จากการตรวจสอบกล้องที่บ้าน คนร้ายไม่ได้วิ่งผ่านไปเส้นนั้น คาดว่า จะไปออกเส้นบ้านเขาเลื่อม หมู่ 9 ต.คลองหาด เพราะผู้ต้องหา 1 คน ใส่หมวกกันน๊อค อีกคนมีผ้าคลุมหน้า เอาจักรยานนั่งคร่อมรถมอไซด์ไปด้วย ส่วนจักรยานของผู้เสียหายคนร้ายเอาไปซุกไว้อีกจุดในป่าอ้อยใกล้ ๆ กัน
ทางด้าน นายธวัช แหยมแก้ว ผู้ใหญ่บ้าน ม.13 พื้นที่จุดเกิดเหตุ กล่าวว่า เหตุการณ์ทำร้ายและชิงทรัพย์ครั้งนี้ เกิดกับประชาชนในหมู่บ้าน โดยแกไปสวน ถูกทำร้ายระหว่างทาง ในซอยถนนที่ทำกิน เป็นซอยเปลี่ยว ถูกทำร้ายช่วงป่าอ้อยข้างถนน พฤติกรรมของคนร้ายใช้ของแข็งตีที่ศีรษะและต้นคอ จนสลบ พอฟื้นมา มีคนตัดไม้ลำไยไปขายขี่รถผ่านมาพอดี จึงคลานออกมากวักมือขอความช่วยเหลือ ติดต่อทาง รพ.และมูลนิธิฯ มาช่วย พร้อมทั้งเรียกลูกชายมาดู ซึ่งคาดว่า เป็นการชิงทรัพย์ ซึ่งแกให้การว่า ได้ถูกชิงทรัพย์ไปประมาณ 3 แสน เพราะแกพกเงินไปที่เปลี่ยว ปกติคนไปไร่ไปสวนจะไม่พบทรัพย์สินไปมากขนาดนั้น คงมีเหตุที่ต้องเอาไป ส่วนผู้ก่อเหตุนั้น ไม่มั่นใจ แต่คิดว่า มีพฤติการณ์มาซุ่มรอทำร้าย น่าจะมีข้อมูลที่แกมีทรัพย์สิน น่าจะรู้และได้มาดักรอ ปกติแกขี่ไปมาเป็น 10 กว่าปี ก็ไม่มีเหตุแบบนี้ แต่เนื่องจากครั้งนี้แกมีทรัพย์สินติดตัว ก็เลยทำให้มีการถูกทำร้าย แสดงว่า ผู้ก่อเหตุน่าจะยอมรู้ว่า แกมีทรัพย์สินติดตัวมา หลังจากนั้น ฝ่ายปกครองและพื้นที่เอง จะต้องมีมาตรการแจ้งเตือนพี่น้องเราที่จะเข้าไปในที่เปลี่ยว อย่างน้อยให้มีคนไปด้วย ไม่จำเป็นก็ไม่ควรพบทรัพย์สินไปในที่เปลี่ยว
———————————-
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: