สระแก้ว – “จตุพร พรหมพันธุ์” และ “ยงยุทธ ติยะไพรัช” ควงหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ ลงพื้นที่ จ.สระแก้ว ถิ่นตระกูลเทียนทอง เพื่อเปิดสถาบันพัฒนาการเมือง พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สระแก้ว ทั้ง 3 เขตเลือกตั้ง มีชาวบ้านและสมาชิกพรรคมาร่วมงานเกือบ 1,000 คน ฉะรัฐบาลและพรรคพลังประชารัฐให้ร้าย เรียกร้องนายกฯประยุทธ์เป็นสุภาพบุรุษต้องลาออกจากนายกรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ 24 ธ.ค.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่เปรมศักดิ์รีสอร์ท ถนนสาย 359 ต.สระขวัญ อ.เมือง จ.สระแก้ว นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ พร้อมคณะประกอบด้วย นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.กองเชียร์พรรคเพื่อชาติ นายธนาวุฒิ วิชัยดิษ นายยศวริศ ชูกลิ่น หรือ เจ๋ง เดอจิก พร้อมแกนนำพรรคเดินสายลงพื้นที่พบปะตัวแทนพรรคการเมืองของพรรคเพื่อชาติ ประจำจังหวัดสระแก้ว และเปิดสถาบันพัฒนาการเมืองสระแก้ว หลังลงพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ในช่วงเช้า โดยมีประชาชนคนสระแก้วเดินทางเข้ารับฟังเกือบ 1,000 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ ได้ขึ้นเวทีปราศรัยบนเวทีเพื่อแนะนำพรรค โดยมี นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ,นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.กองเชียร์พรรคเพื่อชาติ เข้าร่วมพบปะประชาชน พร้อมทั้งมีการแนะนำสถาบันพัฒนาการเมืองของพรรคเพื่อชาติ สำหรับให้ความรู้ทางการเมืองแก่สมาชิกพรรค ซึ่งมีการเปิดตัวแนะนำผู้สมัคร ส.ส.สระแก้ว ทั้ง 3 เขตเลือกตั้ง ประกอบด้วย ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สระแก้ว เขต 1 นายบรรเจิด พัฒโนทัย ประธานสถาบันจัดการที่ดินแนวใหม่ภาคตะวันออก , เขต 2 น.ส.ธัญยรัทน์ ไทชญานุวัฒน์ ประธานสถาบันจัดการที่ดิน 5 ภาค จ.สระแก้ว และ เขต 3 นายสมพิษ แพนลิ้นฟ้า อดีตกำนันตำบลทัพไทย อ.ตาพระยา
ทั้งนี้ นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า เป้าหมายของพรรคต้องการให้คนไทยพ้นจากความยากจน ไม่ยากจน อยู่ดีกินดี เพราะรู้ดีว่าความยากจนลำบากแค่ไหน พรรคต้องการให้ประเทศชาติเกิดความปรองดองในชาติ เราพร้อมจะอยู่ตรงกลาง สามารถคุยกับทุกฝ่ายได้ ไม่จำเป็นต้องมีนโยบายเหมือนกัน แต่ต้องกันคุยกันได้เพื่อให้บ้านเมืองเดินไปได้ เพื่อหาทางออกให้ประเทศเดินไปข้างหน้าได้ ซึ่งตอนนี้ได้วางตัวผู้สมัครว่าที่ ผู้สมัคร ส.ส.สระแก้ว ลงตัวเรียบร้อยแล้ว
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.กองเชียร์พรรคเพื่อชาติ ซึ่งถือว่าเป็นการเข้าพื้นที่ จ.สระแก้วพื้นที่ฐานเสียงตระกูลเทียนทองเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ผ่านมา กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ต้องลืมหน้าตาพรรคพวกที่ต้องแข่งขันเพราะรัฐธรรมนูญถูกออกแบบว่า ต้องแยกกันจึงจะชนะ และต้องแข่งขันกันอย่างเต็มที่ ปลายทางคือวันที่ 24 ก.พ.62 คือวันเลือกตั้ง ที่ฝ่ายประชาธิปไตยจะชนะได้ เป็นความจำเป็นแม้ไม่มีใครที่อยากจะแยกออกมาต่อสู้ แต่เงื่อนไขของรัฐธรรมนูญบังคับ ฉะนั้น ขณะนี้ในส่วนของพรรคเพื่อชาติที่ตนเป็นกองเชียร์อยู่นั้นก็ได้ตระเวนพื้นที่ภาคใต้ครบแล้ว ไปเหนือล่างและเหนือบน ภาคกลาง และจะไปปิดท้ายที่ภาคอีสาน ซึ่งที่ผ่านมา ก็ได้รับเสียงตอบรับจากประชาชนอย่างดีมากตามลำดับ ซึ่งแต่ละพื้นที่ก็เห็นว่า วิธีการนี้จะทำให้ซีกฝ่ายประชาธิปไตยจะได้รับชัยชนะ
“ผมอยากจะเตือนไปยังพรรคพลังประชารัฐ ที่พยายามจะหยิบยกเหตุการณ์ปี 2553 และปี 2556 ขึ้นมาใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง นอกจากนี้ยังฝากระเบิดกับความสงบ ซึ่งผมเองอยากจะสื่อสารด้วยความหวังดีว่า แค่เริ่มต้นเรื่องนี้ ก็จะนำพาไปสู่ความขัดแจ้งหนใหม่ และที่สำคัญที่สุดคือ จะนำพาให้พรรคพลังประชารัฐพ่ายแพ้อย่างถล่มทลาย ให้ดูการเลือกตั้ง 3 ก.ค.ปี 54 เพราะเรื่องนี้ใช่มั้ย อีกซีกหนึ่งจึงแพ้ชนิดที่ไม่เห็นฝุ่น เพราะฉะนั้นประวัติศาสตร์ย่อมจะเป็นบทเรียน” นายจตุพรกล่าว
นายจตุพร บอกอีกว่า หลายวันที่ผ่านมาตนพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการตอบโต้บางคน โดยเฉพาะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ โฆษกพรรค ก็ลงเลือกตั้งไม่ได้ซักคนเหมือนกัน เพราะฉะนั้น การที่จะชู พล.อ.ประยุทธ์ ก็สามารถทำได้เต็มที่ และพล.อ.ประยุทธ์ควรจะแสดงตนอย่างเต็มที่ และเมื่อจะเป็นคู่แข่งขันควรจะมีความเป็นสุภาพบุรุษ ต้องลาออกจากนายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. พรรคอื่นถูก กกต.แจกใบแดงใบเหลืองใบส้ม พล.อ.ประยุทธ์เป็นคนเดียวที่สามารถแจกใบแดงให้ กกต.ได้หรือ ?? เลือกตั้งมันเดินต่อไปไม่ได้ เพราะฉะนั้น ผมเตือนย้ำอีกครั้งว่า เหตุการณ์ความสูญเสียในปี 53 และเหตุการณ์ทางการเมืองปี 56 มันจะย้อนเข้าไปใส่ตัวพรรคพลังประชารัฐเอง
นายจตุพร ระบุด้วยว่า อย่างน้อยคนที่พูดจะได้มีเวลากลับไปคิด ไม่มีใครกลัวเรื่องข้อมูลอะไร ผมยืนอภิปรายเรื่องนี้ 4 ชั่วโมง ตอบได้ทุกประเด็น ชี้แจงได้ทุกประเด็น และอย่างที่บอกว่า ศรมันจะไปปักอกพรรคพลังประชารัฐเอง เพราะฉะนั้น ณ ขณะนี้ควรที่จะต่อสู้การเลือกตั้งอย่างตรงไปตรงมา ที่ผ่านมาก็มีเรื่องมากมายอยู่แล้ว แค่เรื่องที่มีอยู่ในปัจจุบันก็รับมือไม่ไหวอยู่แล้ว แล้วไปขุดเรื่องใหม่ออกมาจะทำให้สถานการณ์ของพรรคพลังประชารัฐจะยากลำบากมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ในส่วนของความขัดแย้งไม่ปรองดองคือ ผู้มีอำนาจไม่กระทำการ มีแต่ศึกษาแล้วก็เก็บไว้ในลิ้นชัก แล้วจะพูดใหม่เวลาหาเสียง คือบอกว่า พรรคพลังประชารัฐคือทางออกของความสงบ
“วันนี้ที่ความสงบเกิดขึ้นมาได้เพราะทุกฝ่ายต่างรับรู้ว่า แผ่นดินในสมัยรัชกาลที่ 10 นั้น จะมีการชุมนุมทางการเมืองเหมือนเดิมอีกไม่ได้ต่อไป เพราะฉะนั้นสิ่งที่พรรคพลังประชารัฐต้องรับทราบก็คือว่า แต่ละฝ่ายเค้าน้อมเกล้าน้อมกระหม่อม เมื่อรู้ว่า แผ่นดินรัชกาลที่ 10 ไม่สามารถกระทำสิ่งนั้นได้อีกต่อไป ทุกคนก็น้อมรับและปฏิบัติอย่างเป็นที่เรียบร้อย แต่พลังประชารัฐก็ไม่เข้าใจ ว่าตัวเองสามารถสร้างความสงบ แต่ความสงบที่มันเกิดขึ้นในวันนี้ มันได้สร้างความทุกข์ยากลำบากโดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง ซึ่งประชาชนก็เดือดร้อน” ประธาน นปช.กองเชียร์พรรคเพื่อชาติ กล่าวและว่า
พล.อ.ประยุทธ์ท่านก็ไปลงตลาดพระประแดง ท่านก็ลงความเห็นว่า เมื่อมีลูกค้าน้อย ควรจะหาลูกค้าประจำ วันนี้มันไม่มีลูกค้า ราษฎรขายขาดทุน ก็ไม่มีกำลังไปจับจ่ายใช้สอย เมื่อชนบททรุดทางเศรษฐกิจ เมืองมันก็ตาย ประเทศมันก็ตาย ทุกคนเห็นแก่ความสงบ แต่ต้องยอมรับความจริงว่า ประชาชนอดอยาก และอดอยากหรืออดตายออกมาจากปาก รมต.ของพล.อ.ประยุทธ์ในวันที่ออกมาชี้แจงเรื่องเงิน 500 บาท เรื่องของปัญหารัฐบาลชุดนี้มีมากอยู่แล้ว ความจริงการอยู่ในตำแหน่งและไม่ยอมลาออก ก็ถือว่า เอาเปรียบกันทั่วหน้าอยู่แล้ว แต่วันนี้แทนที่จะแก้ปัญหาของชาติกลับไปหาเรื่องใหม่ ฉะนั้นเรื่องนี้ที่พรรคพลังประชารัฐจะยกมา จะขาดทุนชนิดที่คาดไม่ถึง
นายจตุพร กล่าวทิ้งท้ายว่า เป้าหมายของพรรคเพื่อชาติ โจทย์ใหญ่ไม่ใช่เรื่องของการชนะการเลือกตั้ง แต่เป็นการหาทางออกให้กับชาติบ้านเมือง การเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับฝ่ายประชาธิปไตย นี่เป็นภารกิจของพรรคเพื่อชาติ ส่วนผลการเลือกตั้งเป็นอย่างไร ที่จะแก้ไขปัญหาชาติได้ ประชาชนก็จะให้การยอมรับโดยปริยาย
น.ส.ละออง ทักษิณากร อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 199 ม.3 ต.หนองหว้า อ.เขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว สมาชิกพรรคที่เข้าร่วมเวทีดังกล่าว กล่าวว่า เพราะพรรคเพื่อชาติเป็นพรรคประชาธิปไตย เป็นพรรคเกาะกลาง ไม่ว่าจะเหลืองแดงก็เข้ามาได้หมด และเราต้องการที่จะเปลี่ยนทางเลือกใหม่ของคนสระแก้ว
