สระแก้ว – เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสกัดแก๊งโจรกรรมรถยนต์ส่งเขมร ช่องตาพระยา ส่วน นปพ.ภาค 2 แกะรอยจับขบวนการโจรกรรม และนักบินรับจ้างขับรถจักรยานยนต์มาส่งบริเวณชายแดน พร้อมเร่งสืบสวนขยายผลขบวนการที่เหลือ
เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลัง พล.ต.ต.สุรจิต ชิงนวรรณ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำวจชุดสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.ฐกร โสภิตกุล ผกก.กก.สสส.ภ.จว.สระแก้ว และ พ.ต.อ.พิษณุ เพ็งเดือน ผกก.สภ.บานทัพไทย อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว สั่งการให้ชุดสืบสวนร่วมกับตำรวจท้องที่ เจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.ตาพระยา เข้าติดตามแก๊งโจรกรรมรถยนต์ในพื้นที่เมื่อช่วงเที่ยงวานนี้ (27 ธ.ค.) จนสามารถติดตามตรวจยึดรถยนต์ยี่ห้อนิสสัน รุ่นนาวาร่า สีเทา ทะเบียน 2ฒง-8543 กรุงเทพมหานคร ระหว่างเตรียมลักลอบเคลื่อนย้ายนำออกไปประเทศกัมพูชา โดยไม่ผ่านพิธีการศุลกากรตามเส้นทางธรรมชาติ ระหว่างจุดตรวจ ตชด.ที่ 11-12 ท้ายหมู่บ้านร่มไทย ม.9 ต.ทัพเสด็จ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม เปิดเผยว่า ระหว่างเจ้าหน้าที่แสดงตนขอทำการตรวจสอบ แต่คนขับได้เร่งเครื่องขับหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงไล่ติดตามจนถึงถนนลำเลียงพืชผลทางการเกษตรด้านทิศตะวันออก บ้านโคกทหาร ม.5 ต.ทัพเสด็จ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว คนขับได้จอดรถทิ้งไว้บริเวณทุ่งนา แล้ววิ่งหลบหนีไป ตรวจคนพบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน ของนายสุรเดช เทพรักษ์ และตารางกรมธรรม์ประกันภัยรถ ซึ่งพบมีการสวมทะเบียนรถคันอื่น เจ้าหน้าที่จึงยึดไว้ตรวจสอบ นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านทัพไทย เพื่อประสานขนส่งและติดตามหาเจ้าของรถ พร้อมสืบสวนหาผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป
ข่าวน่าสนใจ:
- เตือนชาวบ้านอย่าตกเป็นเครื่องมือคนร้ายที่พยายามสร้างความขัดแย้งในพื้นที่
- ส่งตัว 3 ผู้ต้องหาฝากขัง คดีหนุ่ม 20 ปี ถูกยิงดับบริเวณคูกันช้าง อ้างปืนลั่น จ.สระแก้ว
- ผกร.ป่วนไม่เลิก!วางบึ้ม 5 (แตก 4, กู้ 1) ทางไปสนามบิน
- มุกดาหาร-เชิญชวนร่วมกิจกรรมเดินวิ่ง "แคแสดรัน ครั้งที่ 2" ณ สะพานมิตรภาพไทย- ลาวแห่งที่ 2
ส่วนที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ตำรวจชุดกองกำกับการปฏิบัติพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 2 ได้รับคำสั่งจาก พ.ต.อ.เทียนชัย เลิศมณีทวีทรัพย์ ผกก.กก.ปพ.บก.สส.ภ.2 ให้ทำการสืบสวนขยายผลขบวนการโจรกรรมรถจักรยานยนต์ ส่งออกประเทศกัมพูชา ภายหลังเมื่อวันที่ 4 พ.ย.61 ตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรี ได้ทำการจับกุมขบวนการโจรกรรมรถจักรยานยนต์ส่งออกประเทศกัมพูชา ซึ่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาจำนวนหลายราย และได้ทำการสืบสวนขยายผลต่อเนื่อง กระทั่งเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2561 ชุด นปพ.ภาค 2 ได้รับการข่าวจากตำรวจสันติบาล 2 ว่าจะมีขบวนการดังกล่าว นำรถจักรยานยนต์เข้ามาในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว จึงได้ทำการจัดวางกำลังตามจุด เพื่อสะกดรอยตามเป้าหมาย จนพบรถจักรยานยนต์ตามลักษณะที่ได้รับแจ้ง เป็นรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ HONDA รุ่น PCX-150 สีขาว/ดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนและไม่สามารถนำเอกสารมายืนยันว่า เป็นเจ้าของรถ จึงได้ทำการตรวจยึด ส่ง สภ.วัฒนานคร เพื่อทำการสืบสวนขยายผล
ล่าสุด เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.61 ที่่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน นปพ.ภาค 2 เปิดเผยว่า หลังเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีการลักลอบนำรถจักรยานยนต์ส่งประเทศกัมพูชา จึงวางกำลังตามเส้นทางถนนสุวรรณศรมุ่งสู่อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว จนพบรถจักรยานยนต์ ตามที่สายลับแจ้ง จึงได้สะกดรอยตาม แต่เมื่อมาถึงบริเวณถนนสาย สก.3018 รถจักรยานยนต์ดังกล่าวได้จอดข้างทาง ปรากฎว่า มีผู้ชายอีกคน จะมาขับรถจักรยานยนต์ต่อจากผู้ขับคนแรก เจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุด นปพ.ภาค 2 จึงได้แสดงตัวเพื่อทำการตรวจสอบบุคคลทั้งหมด
โดยผู้ขับขี่ที่นำรถจักรยานยนต์มาชื่อ นายสมชาย หรือชาย ประทุมทอง เป็นรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ HONDA รุ่น PCX – 150 สีขาว-ดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ให้การกับตำรวจอ้างว่า ตนเป็นผู้รับจ้างขับ หรือที่เรียกกันว่า นักบิน โดยได้รับค่าจ้าง เที่ยวละ 500 บาท ซึ่งตนได้รับการติดต่อจากคนชื่อ ตุ๋ย ให้ไปขับรถจักรยานยนต์ที่บริเวณด้านหลัง Fusion Pub & Restaurants ในขนส่งอรัญประเทศ เพื่อนำมาส่งที่บ้านหนองเสม็ด ส่วนชายอีกคนชื่อ นายอนุชา กันดิษฐ์ อ้างว่าตนเองมาคอยรับรถจักรยานยนต์คันดังกล่าว โดยนาง A ติดต่อให้ตนมาคอยรับช่วงต่อ เพื่อนำไปซุกซ่อนต่อ ซึ่งตนได้รับค่าจ้างเที่ยวละ 500 บาท เช่นกัน
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจอีกชุด ได้ทำการตรวจยึด รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ HONDA รุ่น Click – 150i สีแดง/ดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ทราบชื่อผู้ขับขี่คือ นายสมบัติ ถาวรยิ่ง และผู้ที่มารอรับช่วงต่อ ทราบชื่อ นายอนุกูล ถายะเดช โดยนายสมบัติให้การอ้างว่า ตนเองได้ขับขี่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าว มาจากกรุงเทพฯ เพื่อนำมาส่งยังบ้านหนองเสม็ด โดยมีนางตึ๋ง เป็นผู้ติดต่อให้ไปรับรถจักรยานยนต์ที่กรุงเทพฯ ซึ่งได้รับค่าจ้าง เที่ยวละ 2,500 บาท เมื่อนำมาส่งถึงที่หมายจะมีคนมารับช่วงต่อที่ข้างทางอีกทอด
ทางด้าน นายอนุกูล ถายะเดช หรือเดี่ยว ให้การอ้างกับตำรวจว่า ตนเองทำหน้าที่เพียงรับจ้างขับรถจักรยานยนต์เพื่อนำไปซุกซ่อน โดยได้รับค่าจ้างจากนาง A เที่ยวละ 500 บาทเท่านั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมและ นปพ.ภาค 2 จึงได้ทำการนำบุคคลทั้งหมดและรถจักรยานยนต์ของกลางที่ตรวจยึดได้ มาสอบสวนหาเจ้าของที่แท้จริง เพื่อมาให้ปากคำและบริษัทผู้เช่าซื้อรวมทั้งประกันภัยว่า มีส่วนรู้เห็นหรือไม่ เพื่อสืบสวนขยายผลหาขบวนการใหญ่อีกครั้ง พร้อมกับนำตัวผู้ต้องหาและของกลางส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.โคกสูง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: