X

ทหารปราจีนบุรีแจ้งความ “เสรีพิศุทธ์” ด่าทะลึ่ง ระบุ ผมเป็นทหารมีศักดิ์ศรี

ปราจีนบุรี – ทหารปราจีนบุรีแจ้งความ “เสรีพิศุทธ์” แล้ว ที่ สภ.เมืองปราจีนบุรี ระบุ ผมเป็นทหารมีศักดิ์ศรี

เมื่อวันที่ 6 มี.ค.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ สภ.เมืองปราจีนบุรี พล.ต.ชัยวัฒน์ บุญธรรมเจริญ ผบ.มทบ.12 และนายทหารพระธรรมนูญได้นำ พ.ท.ปกิจ ผลฟัก หน.กองกิจการ มทบ.12 เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.เจริญ บุญสิทธิ์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองปราจีนบุรี ว่า เมื่อวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา ตนได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้มาปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบในพื้นที่ ในขณะนั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคณะลงพื้นที่ช่วยผู้สมัคร ส.ส.ปราจีนบุรี หาเสียงที่บริเวณตลาดปราจีนบุรี

พ.ท.ปกิจ กล่าวว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เห็นตนซึ่งกำลังมาคอยดูแลความสงบอยู่ พูดจาตำหนิตนถามตนว่ามาทำอะไรที่นี่ ตนบอกว่าได้รับคำสั่งมาให้ดูแลความสงบในพื้นที่ พล.ต.อ.เสรี ได้บอกว่า อย่ามายุ่งวุ่นวายที่นี่ ตนบอกว่าไม่ได้มาวุ่นวาย แต่มาคอยดูแลความสงบตามคำสั่ง พล.ต.อ.เสรี กล่าวทำนอง ว่าอย่ามาทะลึ่งวุ่นวาย ตนบอกว่าไม่ได้มาวุ่นวาย ถ้าตนมาทำหน้าที่ทำให้ท่านไม่พอใจต้องขอโทษท่านด้วย ไม่ได้มีเจตนาอื่นจริง ๆ

“หลังจากที่ภาพเป็นข่าววันนั้นเพื่อน ๆ ทหารและผู้บังคับบัญชาต่างให้กำลังใจผมทุกคน และให้มาแจ้งความ ไม่คิดว่าคนใหญ่โตเป็นถึงนายพลจะกล้าพูดจาหยามผมได้ถึงเพียงนี้ จึงมาแจ้งความไว้เป็นหลักฐานผมเป็นทหารมีศักดิ์ศรีใครจะมาว่าอย่างไม่เป็นธรรม” พ.ท.ปกิจ กล่าว

สำหรับเหตุการณ์เมื่อวันที่ 4 มี.ค.62 ที่บริเวณศาลพระหลักเมือง จ.ปราจีนบุรี อ.เมืองปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี ระหว่างที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ได้เดินทางมาสักการะในโอกาส ลงพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี เพื่อช่วยผู้สมัคร ส.ส.ปราจีนบุรีและลูกพรรคเสรีรวมไทย ทั้ง 3 เขตหาเสียง ประกอบด้วย ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 พื้นที่ อ.เมืองปราจีนบุรี,อ.บ้านสร้าง,อ.ศรีมโหสถ นายสุรศักดิ์ หร่ำเดช เบอร์ 2, ผู้สมัคร สส.เขต 2 พื้นที่ อ.ประจันตคาม,อ.ศรีมหาโพธิ นายถวิล สง่าเมือง เบอร์ 1, และผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 พื้นที่ อ.กบินทร์บุรี,อ.นาดี พลตรีชาตินักรบ ขุนวิชิต เบอร์ 9 ซึ่งรอให้การต้อนรับอยู่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างนั้นคณะของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ได้ร่วมรับประทานอาหารที่ร้าน“บุญตาข้าวมันไก่” ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ได้มีเจ้าหน้าที่ทหารที่เฝ้าสังเกตการณ์และรักษาความปลอดภัยอยู่ในบริเวณนั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้เข้าไปสอบถาม พร้อมกับกล่าวว่า “ตนมาหาเสียงไม่ต้องมายุ่ง ไม่ต้องมาสังเกตการณ์ ไม่ต้องมา ไม่ได้ทำความผิดอะไรให้กลับไป พร้อมบอกต่อไปว่า ทหารกินเงินภาษีของตน ไม่ต้องมาคอยจับผิด เป็นการหาเสียง ไม่ต้องเสียเวลามาคอยมาดูหรอก เพราะว่าไม่ได้ทำผิดหาเสียงเฉย ๆ ให้ฝากไปบอกไปบอกหัวหน้าคุณด้วย ผมไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับใคร” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าว

จากนั้นได้ลงพื้นที่พบปะกับพ่อค้า-แม่ค้า ที่มารอต้อนรับ โดย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า“ถ้าพรรคเสรีรวมไทย ได้เป็นรัฐบาลเมื่อไหร่ จะดำเนินการตามสัญญาทันทีเลย ไม่ต้องรอนู่น นี่ นั่น ให้พ่อค้าแม่ค้าที่เดือดร้อนจากการทำมาหากินทันที ของผมหมายถึงจัดการเลยไม่ต้องรออะไรให้พ่อค้าแม่ค้าเดือดร้อน มีที่ทำกินบนฟุตบาทก็ให้ขายของได้ จัดระเบียบให้มีความสะอาดประเทศเลย เดือดร้อนกันมาหลายปีแล้ว ฟุตบาททางเท้าขายได้แล้ว ส่วนประการที่ 2 บัตรประชาชนใบเดียว เพื่อความสะดวกการรักษาพยาบาลฟรีได้ทั่วประเทศ และประการที่ 3 เรียนฟรีถึงปริญญาตรี

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวต่อว่า ในการลงมาช่วยผู้สมัครหาเสียงนั้นพบว่า ประชาชนนิยมชมผ่านคลิป มากกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบล้านวิวแล้ว ไม่ปราศรัยเพราะมันสมัยโบราณ การทำคลิป ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก คนฟังเยอะ ในป่าในเขาบนดอยคนฟังได้หมด ส่วนการปราศรัยเสียค่าใช้จ่ายเยอะ ส่วนคลิปทุกคนฟังได้หมด การปราศรัยมันเป็นสมัยโบราณ คนที่มาฟังเป็นการหา จ้างมา ต้องซื้อเสียง ส่วนคลิปไม่ต้องจ่ายเงินให้คนไปฟัง ไม่ต้องจัดเลี้ยง ไม่ต้องมีคนไปรับ ค่าใช้จ่ายจัดปราศรัยมันมีค่าใช้จ่ายเยอะ ซึ่งหลังจากลงพื้นที่ จ.ปราจีนบุรีเสร็จสิ้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้เดินทางไปช่วยผู้สมัครหาเสียงต่อในพื้นที่ อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว ในช่วงค่ำวันเดียวกัน

————————-
ข่าว-ภาพโดย/ทองสุข สิงห์พิมพ์

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

Picture of ธนภัท กิจจาโกศล

ธนภัท กิจจาโกศล

"ธนภัท กิจจาโกศล" ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สระแก้ว "ประสบการณ์ยาวนานกับงานสื่อสารมวลชนระดับประเทศ ในกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ จับงานด้านข่าว สกู๊ปและรายงานพิเศษ กว่า 22 ปี มุ่งสื่อสารความจริงและข่าวสารที่เป็นธรรม สู่ประชาชนในภูมิภาค ด้วยจรรยาบรรณของฐานันดรที่ 4 เพื่อสร้างความโปร่งใสการรับรู้ข่าวสารของสังคม"