สระแก้ว – เครือข่ายสภาพลเมือง 8 จังหวัดภาคตะวันออก ยื่นข้อเสนอคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม 5 ด้าน เสนอยกเลิกการจัดทำอีไอเอ-คำสั่ง คสช.ที่ขัด รธน.และละเมิดสิทธิชุมชน
เมื่อวันที่ 24 พ.ย.60 ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก น.ส.กนกกาญจน์ วงษ์ชัยยะ ตัวแทน ทสม.จังหวัดสระแก้ว ซึ่งเข้าร่วมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง รับฟังความคิดเห็นในการจัดทำแผนการปฏิรูปประเทศ ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม : ภาคกลาง ที่โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ซิตี้ จอมเทียนพัทยา จ.ชลบุรี จัดโดยคณะอนุกรรมการการมีส่วนร่วมเพื่อการปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อนำเสนอร่างสาระสำคัญของแผนการปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 5 ด้าน อาทิ ทรัพยากรทางบก ทรัพยากรน้ำ ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ความหลากหลายทางชีวภาพ และสิ่งแวดล้อม มีผู้เข้าร่วมประมาณ 300 คน
ทั้งนี้ ก่อนการอภิปรายและรับฟังความคิดเห็นดังกล่าว เครือข่ายสภาพลเมือง 8 จังหวัดภาคตะวันออก ประกอบด้วย ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ฉะเชิงเทรา สระแก้ว นครนายก และปราจีนบุรี นำโดย น.ส.สุกลภัทร ใจจรูญ ตัวแทนสภาเครือข่ายฯได้ยื่นหนังสือข้อเสนอการปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ต่อนายแพทย์ชูชัย ศุภวงศ์ และนายธีรภัทร ประยูรสิทธิ รองประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้คณะกรรมการปฏิรูปนำไปแก้ไขในประเด็นที่ภาคประชาชนและเครือข่ายภาคพลเมืองฯมีความเป็นห่วงต่อไป
น.ส.สุกลภัทร ใจจรูญ ตัวแทนเครือข่ายสภาพลเมือง 8 จังหวัดภาคตะวันออก กล่าวว่า ประเด็นที่เครือข่ายฯมีความเป็นห่วงมีหลายประเด็นที่สำคัญ เช่น ประเด็นการปฏิรูปทรัพยากรทางบก ป่าไม้ ดินและสัตว์ป่า การบริหารจัดการป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก รัฐ เอกชน ประชาชนต้องร่วมมืออย่างจริงจัง การบริหารจัดการขยะชุมชน ขยะพิษ กากอุตสาหกรรมอันตราย การปรับปรุงร่าง พรบ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. …. ที่ต้องการให้แก้ไขเพิ่มเติม พรบ.ฉบับปี 2535 ในมาตรา 58 ,278 แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ,การปรับปรุงระบบ EIA/EHIA ,การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ หรือ SEA และการปรับปรุงร่างพระราชบัญญัติเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. …. ฉบับผ่านวาระแรกของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ สำหรับพื้นที่พัฒนาให้เป็นระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก 3 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา หรือ EEC
น.ส.อินทิรา มานะกุล ตัวแทนภาคประชาชนภาคตะวันออกจาก จ.จันทบุรี แสดงความเห็นในเวทีรับฟังความคิดเห็นด้านสิ่งแวดล้อมว่า ประชาชนขอมีอำนาจในการตัดสินใจ ไม่ใช่ถูกผลักให้มาเป็นแค่กระบวนการตรวจสอบ กรณีของมาบตาพุดยิ่งเป็นปัญหาอยู่ในปัจจุบัน แต่ EEC ยังคงถูกผลักจากรัฐบาลมาให้เรารับปัญหาอีก ผู้ก่อมลพิษต้องเป็นผู้จ่าย ดังนั้น ประเด็นการปฏิรูปฯ ระบบการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมเชิงยุทธศาสตร์ หรือ SEA จะต้องประเมินด้วยกลไกทางยุทธศาสตร์ที่มองจากภาพรวมและหลักการอยู่ร่วมกัน ต้องเป็น SEA ตามพื้นที่ คนตะวันออกต้องมีสิทธิ์เลือก พร้อมทั้งเสนอให้ยกเลิกการจัดทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม หรือ EIA ที่เป็นเพียงตรายางให้ทำทุกกระบวนการเพื่อให้ผ่านความเห็นชอบ โดยแยก คชก.ในคณะกรรการ สผ.เป็นอิสระ พร้อมทั้งแสดงบัญชีทรัพย์สินเพื่อความโปร่งใสด้วย ทั้งนี้ ที่ประชุมเวทีรับฟังความคิดเห็นฯได้เสนอให้ยกเลิกคำสั่ง คสช.ที่ไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฯ ปี 2560 และละเมิดสิทธิชุมชนด้วย
อย่างไรก็ตาม ภายหลังการจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เพื่อรับฟังความคิดเห็นครั้งนี้เสร็จสิ้น ทางคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะรวบรวมข้อเสนอจากภาคประชาชน องค์กร และเครือข่ายต่างๆ จัดทำแผนฯให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 24 ธ.ค.60 นี้ เพื่อนำไปสู่กระบวนการพิจารณาเห็นชอบและประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป.
