X

รถขนส่งขนาดใหญ่ประสบปัญหารถติดบริเวณหน้าด่านผ่านแดน จ.สระแก้ว

สระแก้ว – เกิดปัญหารถติดสะสมทุกวันบริเวณหน้าด่านพรมแดนบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว โดยรถบรรทุกขนส่งสินค้าที่จะข้ามไปกัมพูชา หลายร้อยคันติดค้างในฝั่งไทยหลายกิโลเมตร โดยเฉพาะหลังปิดด่านเพื่อต้อนรับนายกรัฐมนตรีของไทยและกัมพูชา เกิดปัญหารถสะสมมากขึ้นหลายเท่า แรงงานเข็นรถลากบ่นอุบขาดรายได้

เมื่อวันที่ 25 เม.ย.62 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บริเวณด่านพรมแดนบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ภายหลังเกิดปัญหาการจราจรติดขัดอย่างหนักบริเวณหน้าด่านพรมแดน โดยเฉพาะรถยนต์บรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ที่ต้องการจะวิ่งข้ามแดนไปส่งสินค้าฝั่งประเทศกัมพูชา ต้องรอคิวกันแบบข้ามวันข้ามคืน แม้จะผ่านมาเป็นวันที่ 2 แล้วหลังมีการปิดด่านเพื่อต้อนรับนายกรัฐมนตรีของไทยและกัมพูชา เดินทางมาเปิดสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา และลงนามความตกลงการเดินรถไฟร่วมกัน แต่ท้ายแถวของรถบรรทุกขนส่งขนาดใหญ่วันนี้ ท้ายแถวอยู่บนถนนสายเลี่ยงเมืองตัดใหม่ห่างจากด่านไกลเกือบ 4 กม.

พ.ต.อ.เรืองศักดิ์ บัวแดง ผกก.สภ.คลองลึก สั่งการให้เพิ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร เพื่อเข้าช่วยแก้ไขปัญหาการจราจรให้รถสามารถเคลื่อนตัวได้ โดยร่วมกับ ร.อ.เตชทัต เฉลิมจิตต์ ผบ.ร้อย ทพ.1201 เพื่อจัดกำลังเจ้าหน้าที่เข้าร่วมทำการตรวจสอบพร้อมแก้ปัญหา เช่น การจอดรถจักรยานยนต์กีดขวาง จัดรถเข็นสองล้อของชาวกัมพูชาที่ติดอยู่บริเวณหน้าด่าน ให้ใช้เฉพาะช่องทางซ้าย จนรถสามารถขยับได้อย่างช้า ๆ แต่ส่งผลให้รถขนส่งขนาดใหญ่ติดค้างและระบายออกไปฝั่งประเทศกัมพูชาไม่ได้มากกว่า 100 คัน

นายสุจินดา ศรีกระทุม ชาว จ.เลย พนักงานขับรถบรรทุกขนาดใหญ่ กล่าวว่า รถติดเพราะรถบางคันเอกสารไม่เรียบร้อย ซึ่งการปิดด่าน 2 วันก่อนหน้านี้มีผลมากทำให้รถเพิ่มขึ้นมาเท่าตัว เนื่องจากรถไม่ได้เข้าด่านเลย รถจึงมาประดังกันหลังจากที่นายกฯ มาเปิดสะพาน ซึ่งเมื่อวานตนเองมาถึงที่ด่านประมาณ 22.00 น.แต่เอกสารกว่าจะเสร็จก็ตอนประมาณ 09.00 น. จึงนอนรอข้ามคืนโดยต่อแถวอยู่และได้เข้าประมาณ 09.30 น. ส่วนวันนี้ถ้ามีเจ้าหน้าที่คอยไล่รถที่มาคอยเบียดแทรกประมาณ 15.00 น.น่าจะได้ผ่านเข้าไปยังประเทศกัมพูชา ซึ่งแต่ละวันจะมีรถเข้ากันประมาณ 400-500 คันต่อวัน ที่เห็นหนักที่สุดคือเมื่อวานนี้ติดตั้งแต่ยันมืด บางคนเข้าไปส่งแล้วไม่สามารถกลับมาได้เพราะปิดด่านเสียก่อน ปัญหาน่าจะเพราะปิดด่าน 2 วันที่ไม่ได้ส่งสินค้าเกือบทุกบริษัทก็มาพร้อม ๆ กัน เฉลี่ยแล้วปัจจุบันต้องใช้เวลา 6-7 ชม.จะสามารถผ่านแดนเข้าไปส่งสินค้าได้

ส่วนพนักงานขับรถของบริษัทขนส่งอีกราย ยอมรับว่า ปัจจุบันมีรถเข้ามาใช้ด่านผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว มากขึ้น ถือว่ามีปริมาณรถเยอะขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก อยากให้หน่วยงานเข้ามาแก้ปัญหารถติดคิวรอนานในอนาคต

นายเหน คนงานชาวกัมพูชา ซึ่งรับจ้างเข็นรถสินค้าเข้าไปยังประเทศกัมพูชา กล่าว ว่า ช่วงที่มีการปิดด่านส่งผลให้สินค้าฝั่งกัมพูชาขาดแคลนหลายอย่าง ชาวกัมพูชาที่รับจ้างทำงานก็เสียรายได้ เคยมีรายได้ก็ไม่ได้ทำอะไร ซึ่งต่อไปถ้ามีการเปิดสะพานไทย-กัมพูชา จะช่วยแก้ปัญหารถติดได้ เพราะรถใหญ่จะไปใช้เส้นทางข้ามแดนใหม่ ส่วนช่องผ่านแดนที่โรงเกลือก็จะมีเฉพาะคนและรถเข็นแบบดั้งเดิมท้องถิ่น

ทางด้าน พ.ต.อ.เรืองศักดิ์ บัวแดง ผกก.สภ.คลองลึก กล่าวว่า มองภาพการจราจรแล้ว เมื่อมีความต้องการสินค้าจำนวนมากและมีการส่งออกไปทุกช่องทาง จนเกิดปัญหาติดขัด ทางเจ้าหน้าที่จึงต้องพูดคุยกับทุกภาคส่วน ปัจจุบันต้องเพิ่มเจ้าหน้าที่่จราจรเข้าไปดูแลปัญหา บังคับใช้กฎหมายจัดระเบียบให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน ไม่ไปขวางรถขนาดใหญ่ คนท้องถิ่นขับ จยย.เข้ามาแล้วจอดกีดขวางบนพื้นผิวถนนต้องเข้าไปจัดระเบียบ ทั้งนี้ในส่วนของผู้ประกอบการที่มีรถรับส่งสินค้าและใช้ทางในการรับส่งและกีดขวาง จะต้องมีการเรียบประชุมเพื่อจัดระเบียบและกำหนดช่วงเวลาให้ชัดเจน

“เส้นทางหนองเอียน-สตึงบท ที่เพิ่งสร้างเสร็จ และมีการเปิดสะพานแล้ว เชื่อว่า อีกไม่กี่วันในเมื่อรัฐบาลมีนโยบายที่จะให้ใช้เส้นทางดังกล่าว เชื่อว่า จะสามารถตัดและลดการจราจรในเส้นทางออกด่านคลองลึกออกไปได้ส่วนหนึ่ง เชื่อแน่ว่า สภาพการจราจรในวันนั้นหลังมีการเปิดใช้สะพานฯ น่าจะอำนวยความสะดวกได้มากยิ่งขึ้น คาดหวังไว้ว่าจะทำให้ได้เร็วที่สุดและลดปัญหาการจราจรได้แน่นอน” ผกก.สภ.คลองลึก กล่าว

——————————

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

Picture of ธนภัท กิจจาโกศล

ธนภัท กิจจาโกศล

"ธนภัท กิจจาโกศล" ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สระแก้ว "ประสบการณ์ยาวนานกับงานสื่อสารมวลชนระดับประเทศ ในกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ จับงานด้านข่าว สกู๊ปและรายงานพิเศษ กว่า 22 ปี มุ่งสื่อสารความจริงและข่าวสารที่เป็นธรรม สู่ประชาชนในภูมิภาค ด้วยจรรยาบรรณของฐานันดรที่ 4 เพื่อสร้างความโปร่งใสการรับรู้ข่าวสารของสังคม"