สระแก้ว – เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน-กรมทรัพยากรน้ำบาดาลและตำรวจ ลงพื้นที่จุดลักลอบนำขยะอุตสาหกรรมเข้ามาใน จ.สระแก้ว เพื่อนำตัวอย่างไปตรวจสอบหาสารเคมีหรือสารพิษที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ คาดรู้ผลภายใน 1 เดือน ส่วนการตรวจสอบการขอทะเบียนบ้านในจุดที่มีการลักลอบนำขยะอุตสาหกรรมมาคัดแยกนั้น พบมีการแจ้งเจ้าหน้าที่ว่า เป็นบ้านตึกแถว แต่ความจริงเป็นเพิงพักคนงานในป่าโซนซี ส่งผลให้ปลัดจังหวัดสระแก้วเตรียมตั้งกรรมการสอบสวนผู้ใหญ่บ้านในกรณีนี้ด้วย
เมื่อวันที่ 10 ก.ค.62 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่งานพิสูจน์หลักฐาน ตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว เดินทางลงพื้นที่บริเวณจุดที่มีการลักลอบนำขยะอุตสาหกรรมและขยะอิเล็กทรอนิกส์จากพื้นที่จังหวัดระยอง มาไว้ที่บริเวณเขตป่าโซน C พื้นที่บ้านหนองแก หมู่ 8 ต.ตาหลังใน อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว รวมเกือบ 2 เดือนที่ผ่านมา จนมีปริมาณกว่า 300 ตันในปัจจุบัน โดย พล.ต.ต.สุรจิต ชิงนวรรณ์ ผบก.ภ.จว.สระแก้ว มอบหมายให้ พ.ต.อ.สมพล วงศ์ศรีสุนทร รอง ผบก.ภ.จว.สระแก้ว พร้อมด้วย พ.ต.อ.เศรษฐณัณท์ ทิมวัฒน์ ผกก.สภ.วังน้ำเย็น , พ.ต.ท.สิทธิศักดิ์ ปุณณสิริพันธ์ รอง ผกก.พิสูจน์หลักฐานตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว ,ร.ต.อ.พิทักษ์ ชนะเกตุ รอง สว.สส. พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี สภ.วังน้ำเย็น ,ร.อ.ทัศนา ดวงรัตน์ ผบ.ร้อย รส.มว.ที่ 1 มณฑลทหารบกที่ 19 และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานทรัพยากรน้ำบาดาลที่ 9 กรมทรัพยากรน้ำบาดาล ร่วมกันเข้าตรวจสอบพื้นที่เพื่อเก็บหลักฐานอีกครั้ง ซึ่งมีเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลตาหลังในและกลุ่มบุคคลซึ่งอ้างว่า เป็นเจ้าของกิจการดังกล่าวคอยให้ข้อมูลด้วย
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แจ้งว่า ได้มีการเก็บตัวอย่างสารเคมี วัตถุอันตรายและสิ่งของที่ถูกนำมากองทิ้งไว้ในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อไปตรวจสอบปริมาณสารเคมีและสารพิษอันตรายที่มีต่อมนุษย์ โดยจะส่งให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานส่วนกลางตรวจสอบ คาดว่า จะทราบผลภายใน 1 เดือน ส่วนเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาล ได้มีการตรวจสอบการขุดเจาะน้ำบาดาลที่ผิดกฎหมายในพื้นที่ป่า เก็บตัวอย่างน้ำจากบาดาล ,ตัวอย่างน้ำจากผิวดิน เพื่อนำไปตรวจสอบด้วยเช่นกัน คาดว่าจะทราบผลภายใน 7 วัน เพื่อส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจประกอบการดำเนินคดีกับผู้ต้องหา
พ.ต.อ.เศรษฐณัณท์ ทิมวัฒน์ ผกก.สภ.วังน้ำเย็น เปิดเผยว่า ขณะนี้การดำเนินคดีเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเร่งรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐาน โดยเฉพาะผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเข้าใช้พื้นที่ การออกเลขที่บ้าน และการนำสารเคมีและกากอุตสาหกรรมเข้าพื้นที่ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องนอกเหนือจากผู้ที่ให้การยอมรับด้วยหรือไม่ อยู่ระหว่างขยายผล คาดว่าจะสามารถเรียกตัวบุคคลที่เข้าข่ายเป็นผู้ดำเนินการได้อีก ซึ่งต้องดูเอกสารการเคลื่อนย้ายวัตถุเหล่านี้ก่อน ส่วนประเด็นการออกเลขที่่บ้านที่ไม่ถูกต้อง ตอนนี้ได้ทำหนังสือตรวจสอบไปแล้ว รอผลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหากพบว่าระยะเวลาหรือการขออนุญาตต่างกัน หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องก็ต้องเป็นผู้ตอบพนักงานสอบสวน ซึ่งประเด็นที่มีการดำเนินการไปก่อนที่จะมีการขอเอกสารหรือย้ายเข้ามาเพื่อดำเนินกิจการนั้น ตำรวจขอไปแล้ว แต่ยังไม่ได้รับหนังสือยืนยันจากหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง
ทางด้าน พ.ต.ท.สิทธศักดิ์ ปุณณสิริพันธ์ รอง ผกก.พิสูจน์หลักฐานตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว บอกว่า การเข้าเก็บหลักฐานครั้งนี้ เพื่อยืนยันว่า ขยะอุตสาหกรรมที่ถูกนำมาไว้ในพื้นที่เป็นพิษหรือเป็นอันตรายหรือไม่ โดยจะเก็บหลักฐานจากชิ้นส่วนขยะแต่ละชนิด น้ำ และเศษวัสดุต่าง ๆ เพื่อตรวจสอบที่กองพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่ามีโลหะหนักที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์หรือไม่ เช่น ตะกั่ว แคดเมี่ยมและอื่น ๆ
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลัง นายวิชิต ชาตไพสิฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว สั่งการให้มีการขนย้ายกากอุตสาหกรรมทั้งหมดกลับไปที่ต้นทาง รวมทั้งให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างตรงไปตรงมานั้น ได้มีการนำผ้าใบพลาสติกมาคลุมบริเวณกองกากอุตสาหกรรมไว้ส่วนหนึ่งก่อนมีเจ้าหน้าที่จะเข้าตรวจด้วย โดยมีข้อมูลยืนยันล่าสุดว่า พบข้อมูลการขอทะเบียนบ้านเลขที่ 283 ม.8 ของผู้ต้องหาในจุดดังกล่าว ยื่นขอเป็นลักษณะบ้านเป็นตึกแถว ขณะที่ความเป็นจริง เป็นเพียงการปลูกเพิงพักคนงานเท่านั้นและอยู่ในพื้นที่เขตป่าโซนซี ซึ่งไม่สามารถอนุญาตได้ ทำให้ทาง นายศิริศักดิ์ ศิริมังคลา ปลัดจังหวัดสระแก้ว สั่งตั้งกรรมการขึ้นมาเพื่อสอบสวนกรณีดังกล่าวกับผู้ใหญ่บ้าน ม.8 ต.ตาหลังใน อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว ด้วยเช่นกัน
——————————–
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: