X

ส่งศาลทันที!! เตรียมย้ายขยะอิเลคทรอนิกส์ส่งโรงงานกำจัดฯ วัฒนานคร

สระแก้ว – อุตสาหกรรมเตรียมขนย้ายขยะอิเลคทรอนิกส์ที่พบหลังศาลากลางจังหวัด ส่งกำจัดที่โรงงานกำจัดใน อ.วัฒนานคร ชาวบ้านระบุทำมาแล้วกว่า 2 ปี ได้รับผลกระทบเกิดอาการผื่นคัน ล่าสุด มีการแจ้งความดำเนินคดีและนำตัวส่งศาลจังหวัดสระแก้วแล้วในช่วงสายวันนี้ (20 กค.62)

เมื่อวันที่ 20 ก.ค.62 ความคืบหน้ากรณีปัญหาลักลอบนำขยะอุตสาหกรรมและขยะอิเลคทรอนิกส์กว่า 300 ตัน ไปประกอบกิจการคัดแยกและทิ้งในเขตป่าโซนซี เขาซับพลู-เขาพลูหีบ ท้ายหมู่บ้านหนองแก ม.8 ต.ตาหลังใน อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว และถูกตรวจสอบจนมีการสั่งให้ขนย้ายกลับต้นทางตามกฎหมาย ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ จ.สระแก้ว ตื่นตัว แจ้งเจ้าหน้าที่ให้ตรวจสอบร้านรับชื้อของเก่าในพื้นที่เพื่อความปลอดภัยหลายจุด โดยล่าสุด เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบมีการลักลอบประกอบกิจการและทิ้งขยะอิเลคทรอนิกส์กว่า 10 ตัน บริเวณด้านหลังศาลากลางจังหวัดสระแก้ว โดยมี นางรัชดาพร จันทร์มณี อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 129/6 หมู่ 1 บ้านคลองนางชิง ต.ท่าเกษม อ.เมือง จ.สระแก้ว เป็นเจ้าของ ได้นำขยะโทรทัศน์มาคัดแยก อ้างว่า รับชื้อมาจากร้านของเก่าขนาดใหญ่ในกรุงเทพ เพื่อมาคัดแยกจากนั้นนำไปขายต่อที่จังหวัดฉะเชิงเทราและจังหวัดปราจีนบุรีในกิโลละ 6 บาท เพื่อได้เลี้ยงครอบครัวและส่งค่างวดรถยนต์เท่านั้น

 

ทั้งนี้ นางรัชดาพร กล่าวกับเจ้าหน้าที่ว่า หลังจากปี 2559 เป็นต้นมา ไปขอต่อใบอนุญาตไม่ได้ เพราะเจ้าหน้าที่อ้างว่าที่ดินไม่มีหลักฐาน มีเพียงแต่มีหลักฐาน ภทบ.5 จึงไม่สามารถต่อใบอนุญาตได้

นายชวลิต ไชยนิวัฒนา อุตสาหกรรมจังหวัดสระแก้ว กล่าวว่า ขณะนี้เบื้องต้นจะต้องนำขยะอิเลคทรอนิกส์ที่มีการทุบแล้วแกะเอาวัสดุที่ขายไปใส่ไว้ในถุงขนาดใหญ่ แล้วนำเก็บไว้ในพื้นที่ของตนเอง ไม่สามารถนำไปทิ้งในบ่อดินแบบนั้นได้ ทั้งนี้ปัจจุบัน จ.สระแก้ว มีข้อตกลงระหว่างทางจังหวัดกับบริษัทโปรเฟสชั่นแนล เวสต์ เทคโนโลยี (1999) จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานกำจัดขยะพิษขยะอันตราย ประเภท 101 ในพื้นที่ อ.วัฒนานคร จะรับของอันตรายจากชุมชนไปกำจัดให้เดือนละไม่เกิน 5 ตัน ดังนั้น เจ้าของรายนี้มีหน้าที่จะต้องรวบรวม แล้วนำไปไว้ที่ อบต.ท่าเกษม เพื่อให้ อบต.ดำเนินการนำส่งไปกำจัดตามกฎหมายโดยไม่มีค่าใช้จ่าย แต่การประกอบการที่ผ่านมาถือว่ามีความผิด แต่เพื่อให้เป็นการแก้ปัญหาชั่วคราว เจ้าของจะต้องรีบจัดการนำขยะที่ทิ้งผิดกฎหมายรวบรวมไว้ให้เรียบร้อยเพื่อนำไปกำจัด ซึ่งผู้ประกอบการจะไม่ทำอะไรเลยไม่ได้

ขณะเดียวกัน จากการสอบถามเพื่อนบ้านและภรรยา ซึ่งอาศัยอยู่บริเวณใกล้กัน ระบุว่า จะมีการขนขยะอิเลคทรอนิกส์มาแล้วนำมาทุบ แล้วก็แกะเอาส่วนที่ขายได้ไปขาย ทำมาปีที่ 2 แล้ว ซึ่งไม่รู้ไปเอามาจากไหน ครั้งละ 1 คันรถปิกอัพต่อโครงเหล็กขึ้นสูง และเคยไปดูกองขยะพวกนี้มาแล้ว กลับมาก็เกิดอาการคันที่แขนและลำตัวด้วย

ทางด้าน นายศิริศักดิ์ ศิริมังคะลา ปลัดจังหวัดสระแก้ว กล่าวว่า จากการเข้าตรวจพบกองขยะอุตสาหกรรม จำพวกชิ้นส่วนอุปกรณ์จอโทรทัศน์ที่มีการคัดแยกจำนวนหนึ่งห่างจากร้านรับชื้อของเก่าประมาณ 500 เมตรและห่างจากถนนลูกรังเข้าอีกประมาณ 50 เมตร พบว่า เป็นบ่อขนาดเล็กมีเศษขยะจอโทรทัศน์และหลอดภาพจำนวนมาก ของผู้ประกอบการเป็นผู้นำตรวจ และนำใบอนุญาตประกอบกิจการคัดแยกและฝังกลบสิ่งปฏิกูล หรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว มาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ พบว่า ได้รับอนุญาตประกอบกิจการขาดตั้งแต่ปี 2559 จึงให้ผู้ประกอบดำเนินการเก็บชินส่วนขยะบริเวณบ่อน้ำให้มิดชิดนำมาเก็บไว้ในอาคารมีหลังคาเพื่อความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ให้เวลา 15 วันและให้หยุดประกอบกิจการเป็นถ้าไม่ปฏิบัติตามเจ้าหน้าที่กำหนดจะมีความตามกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้จัดเก็บชิ้นส่วนขยะอุตสาหกรรมที่พบบางส่วนไปตรวจสอบหาสารพิษ ซึ่งจะทราบผลภายใน 20 วัน เบื้องต้นชาวบ้านกังวลว่า อาจมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพราะวัสดุที่พบเป็นโลหะ และสารตะกั่ว ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลัง พ.อ.เฉลิม เนียมช่วย รอง ผอ.กอ.รมน.จว.สระแก้ว ได้เดินทางเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับเจ้าของกิจการรายดังกล่าว ที่ สภ.เมืองสระแก้ว ซึ่งในช่วงสายวันนี้ (20 ก.ค.62) พนักงานสอบสวนได้นำตัว นางรัชดาพร จันทร์มณี อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 129/6 หมู่ 1 บ้านคลองนางชิง ต.ท่าเกษม อ.เมือง จ.สระแก้ว เจ้าของกิจการ ส่งศาลจังหวัดสระแก้วเพื่อดำเนินคดีแล้ว

—————————–

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

Picture of ธนภัท กิจจาโกศล

ธนภัท กิจจาโกศล

"ธนภัท กิจจาโกศล" ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สระแก้ว "ประสบการณ์ยาวนานกับงานสื่อสารมวลชนระดับประเทศ ในกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ จับงานด้านข่าว สกู๊ปและรายงานพิเศษ กว่า 22 ปี มุ่งสื่อสารความจริงและข่าวสารที่เป็นธรรม สู่ประชาชนในภูมิภาค ด้วยจรรยาบรรณของฐานันดรที่ 4 เพื่อสร้างความโปร่งใสการรับรู้ข่าวสารของสังคม"