X

แล้งลามกลางฤดูฝน!! น้ำตกปางสีดาแห้งไม่มีน้ำ นักท่องเที่ยวผิดหวังอดเล่นน้ำ

สระแก้ว – ปัญหาภัยแล้งลุกลามหนักแม้กลางฤดูฝน ส่งผลให้น้ำตกปางสีดาเหือดแห้งไม่มีน้ำ นักท่องเที่ยวผิดหวังอดเล่นน้ำไปตาม ๆ กัน หัวหน้าอุทยานฯ สั่งเจ้าหน้าที่แจ้งนักท่องเที่ยวให้ทราบก่อนจ่ายค่าธรรมเนียมเข้าอุทยาน กลัวถูกต่อว่า ซึ่งเมื่อเทียบกับปริมาณน้ำในน้ำตกเมื่อปีที่แล้วช่วงเดียวกัน ที่มีน้ำมากจนต้องประกาศปิดน้ำตก หวั่นเกิดน้ำป่าหลาก

เมื่อวันที่ 20 ก.ค.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา พื้นที่ จ.สระแก้ว แทบจะไม่มีฝนตกลงมาหรือมีฝนตกเพียงเล็กน้อย แม้จะเป็นช่วงกลางฤดูฝนที่เกิดฝนทิ้งช่วงยาวนานกว่าทุกปี ซึ่งจากการเดินทางเข้าสำรวจพื้นที่อุทยานแห่งชาติปางสีดา อ.เมือง จ.สระแก้ว พบว่า น้ำตกปางสีดา สถานที่ท่องเที่ยวเล่นน้ำที่มีชื่อเสียงของจังหวัด มีปริมาณน้ำภายในน้ำตกเหือดแห้งมากว่า 2 สัปดาห์ มีเพียงปริมาณน้ำเล็กน้อยไหลผ่านซอกหินและร่องน้ำเท่านั้น นักท่องเที่ยวจำนวนมากที่เดินทางมาท่องเที่ยวพักผ่อนวันหยุดติดต่อกันช่วงเทศกาลวันเข้าพรรษาต่างต้องผิดหวัง อดเล่นน้ำคลายร้อนตามที่ตั้งใจไว้ไปตาม ๆ กัน

 

นายบุญเชิด เจริญสุข หัวหน้าอุทยานแห่งชาติปางสีดา เปิดเผยว่า ปริมาณน้ำในน้ำตกปางสีดา ไม่มีตั้งแต่ต้นเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากฝนทิ้งช่วงและผลพวงจากปัญหาภัยแล้งทั่วประเทศ ซึ่งปกติในช่วงเดือน ก.ค.ปีที่แล้ว ที่เป็นช่วงกลางฤดูฝนปริมาณน้ำในน้ำตกจะเยอะมาก น้ำขุ่นเป็นสีแดง ทำให้ปีที่แล้วในช่วงเดียวกันนี้ต้องประกาศปิดน้ำตกเพราะเกรงว่าจะเกิดน้ำป่าไหลหลาก จนเกิดอันตรายกับนักท่องเที่ยวด้วย แต่ปีนี้กลับไม่มีน้ำเลยไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร

ทั้งนี้ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติปางสีดา ยังกล่าวอีกว่า ทางอุทยานมีมาตรการให้เจ้าหน้าที่ประจำด่านทางเข้าแจ้งกับนักท่องเที่ยวและประชาชนที่จะเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวว่า ด้านในน้ำตกไม่มีน้ำ หรือบริเวณลานดูผีเสื้อ มีผีเสื้อหรือไม่ ซึ่งคนที่ต้องการจะมาเล่นน้ำส่วนใหญ่ก็จะไม่เข้าไปและขับรถเลี้่ยวกลับ ส่งผลให้จำนวนผู้เข้าชมอุทยานและค่าเข้าอุทยานลดลงไปจำนวนมากเช่นกัน คาดว่า หากพ้นช่วงฝนทิ้งช่วงนี้ น้ำตกน่าจะกลับมามีน้ำเช่นเดิมไปจนถึงฤดูร้อนประมาณเดือน ม.ค.-ก.พ.ของทุกปี

สำหรับบริเวณน้ำตกปางสีดา เคยเป็นหน่วยงานหนึ่งในโครงการพัฒนาพื้นที่ราบเชิงเขาจังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งเป็นโครงการพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการที่จะจัดป่าในบริเวณให้เป็นสถานที่สำหรับพักผ่อนหย่อนใจของประชาชนในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว และยังเป็นการรักษาป่าต้นน้ำสำหรับและสภาพป่าโดยรอบ กรมป่าไม้จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่ออกดำเนินการสำรวจและจัดตั้งเป็นวนอุทยาน ชื่อว่า “วนอุทยานปางสีดา” เมื่อปี พ.ศ. 2521 อยู่ในความดูแลของสำนักงานป่าไม้จังหวัดปราจีนบุรี และมีการสำรวจพื้นที่พบว่ามีสภาพป่าที่สมบูรณ์ เช่น ป่าไม้ สัตว์ป่า และทิวทัศน์ที่สวยงาม สภาพภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูงชันสสับซับซ้อน มีน้ำตกหลายแห่ง เช่น น้ำตกปางสีดา น้ำตกนาโตร น้ำตกผาน้อย และยังเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารของแม่น้ำบางปะกง เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงพื้นที่เกษตรกรรรมในภาคตะวันออก จึงจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ ลำดับที่ 41 ของประเทศไทย โดยมีพื้นที่ครอบคลุมท้องที่อำเภอตาพระยา อำเภอวัฒนานคร อำเภอเมือง จังหวัดสระแก้ว และอำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี รวมเนื้อที่ประมาณ 527,500 ไร่ หรือ 844 ตารางกิโลเมตร

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันแหล่งต้นน้ำที่สำคัญของอุทยานฯ จึงเป็นน้ำตกเกือบทั้งหมด ซึ่งน้ำตกที่มีชื่อเสียงและนักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาเที่ยวชมคือ น้ำตกปางสีดา อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติประมาณ 800 เมตร ไหลตกลงมาจากผาหิน 3 ชั้น สูงประมาณ 10 เมตร ช่วงฤดูฝนสายน้ำจะไหลแผ่เต็มลานน้ำตกงดงามมาก เบื้องล่างเป็นแอ่งน้ำและลานหินกว้าง บรรยากาศร่มรื่น เหมาะสมสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจ ส่วนน้ำตกอีกแห่งคือ น้ำตกผาตะเคียน อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติประมาณ 2.4 กิโลเมตร สามารถเดินเท้าได้ 2 ทาง โดยน้ำตกไหลตกลงมาจากหน้าผาสูง 15 เมตร กว้าง 10 เมตร เกิดจากลำธารสายเดียวกับน้ำตกปางสีดา จากต้นน้ำ ซึ่งปัจจุบันน้ำตกทั้งสองแห่งไม่มีน้ำไหลมานานกว่า 2 สัปดาห์แล้ว

ภาพน้ำตกปางสีดา ถ่ายเมื่อวันที่ 18 ก.ค.62 ซึ่งเป็นช่วงกลางฤดูฝนปีที่ผ่านมา แตกต่างจากน้ำตกในกลางฤดูฝนปัจจุบันอย่างชัดเจน

——————————-

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

Picture of ธนภัท กิจจาโกศล

ธนภัท กิจจาโกศล

"ธนภัท กิจจาโกศล" ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สระแก้ว "ประสบการณ์ยาวนานกับงานสื่อสารมวลชนระดับประเทศ ในกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ จับงานด้านข่าว สกู๊ปและรายงานพิเศษ กว่า 22 ปี มุ่งสื่อสารความจริงและข่าวสารที่เป็นธรรม สู่ประชาชนในภูมิภาค ด้วยจรรยาบรรณของฐานันดรที่ 4 เพื่อสร้างความโปร่งใสการรับรู้ข่าวสารของสังคม"