สระแก้ว – ตำรวจสระแก้วหัวร้อน ขับจักรยานยนต์ประกบวัยรุ่นขับฮอนด้าเวฟ 110 ท่อเสียงดังที่กำลังขับหลบหนี ถูกตำรวจถีบจนรถล้มคว่ำ โชคดีไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต ตำรวจชี้แจงเป็นการปฏิบัติหน้าที่ขณะนี้ยังไม่สามารถตามตัวผู้ก่อเหตุได้ เพราะรถกับทะเบียนคนละสีกัน ส่วนผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า เกิดเหตุการณ์นี้จริง มีการไล่จับจนเกิดอุบัติเหตุล้มตอนหลบหนีเพราะวัยรุ่นอ้างหนีเพราะท่อดัง ด้าน รอง ผกก.สภ.เมืองสระแก้ว ชี้แจงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจถีบรถจักรยานยนต์วัยรุ่นท่อเสียงดังที่ขับรถหลบหนีล้มคว่ำ เป็นการปฏิบัติหน้าที่ วอนสังคมอย่าซ้ำเติมจนตำรวจเสียกำลังใจไม่กล้าปฏิบัติหน้าที่
เมื่อวันที่ 7 ส.ค.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีมีการเผยแพร่คลิปภาพ”ตำรวจหัวร้อน”ในพื้นที่ จ.สระแก้ว ทางเพจเด็ดเฉย เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม เวลา 17.30 น. ที่ผ่านมา โดยโพสต์ว่า “เจอ N-MAX ไล่ข้าง ?#ผิดก็ว่าไปตามผิด ?♀️” ซึ่งเป็นเหตุการณ์ขับไล่กวดรถจักรยานยนต์รุ่นฮอนด้าเวฟ 110i ของกลุ่มวัยรุ่นรายหนึ่ง จนรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจ รุ่น N-MAX 155 ซีซี.สามารถขับตามมาทัน ซึ่งมีการถ่ายคลิปโดยรถที่ขับตามมา เห็นภาพของเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังใช้เท้าถีบรถจักรยานยนต์ระยะทางประมาณ 100 เมตร จนเกิดอุบัติเหตุรถล้มช่วงใกล้ทางแยก ก่อนตำรวจจะเข้าทำการยึดรถของวัยรุ่นรายนั้นไว้ได้ ซึ่งทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในสื่อโซเซียลมีเดียจำนวนมาก ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจกระทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ และเหตุใดวัยรุ่นคนดังกล่าวจึงไม่หยุดรถให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบ จนนำมาสู่เหตุการณ์ไล่กวดกันและถีบให้รถจักรยานยนต์ของวัยรุ่นรายนี้ล้มลงพลิกคว่ำดังกล่าว
ข่าวน่าสนใจ:
ทั้งนี้ ภายหลังมีการเผยแพร่คลิปภาพดังกล่าว ส่งผลมีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นกับเรื่องนี้จำนวนมาก ฝ่ายหนึ่งมองว่า กรณีนี้ตำรวจไม่มีทางเลือกจะให้ทำอย่างไรหรือรอให้น้ำมันหมด เมื่อมีคนหลบหนีเชื่อว่า ร้อยทั้งร้อยก็ต้องมีสิ่งผิดกฎหมาย เสพยามาหรือเปล่า หรือค้ายาหรือเปล่า หากมีการจอดให้ตรวจดี ๆ น่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ พอเด็กแว้นเต็มเมือง ก็เรียกร้องให้ตำรวจ มาช่วยจัดการ แต่พอตำรวจมาจัดการ ก็บอกทำเกินไป ทำแบบนี้ได้ไง ถ้าไม่ผิดจะหนีทำไม
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ขณะที่ความคิดเห็นอีกกลุ่มมองว่า การกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจครั้งนี้ เป็นการทำเกินกว่าเหตุ ถ้าเพื่อนของเขาล้มแล้วน๊อคหัวฟาดฟื้นไปละจะทำอย่างไร กลายเป็นตำรวจขับรถไม่นึกถึงความปลอดภัยของผู้อื่น และอาจทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายได้ เช่นกัน
ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบเรื่องที่ไปที่ พ.ต.อ.ภิรมย์ จันทราภิรมย์ ผกก.สภ.เมืองสระแก้ว ซึ่งได้มอบหมายให้ พ.ต.ต.ทศพร สอนบุตร สารวัตรจราจร สภ.เมืองสระแก้ว ชี้แจงว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นระหว่างเจ้าหน้าที่เรียกตรวจสอบรถจักรยานยนต์จากบริเวณหน้าธนาคารกสิกรไทย ไปถนนจิตวิโรจน์ เลี้ยวขวาเข้าถนนสุวรรณศร ขณะนี้ยังไม่สามารถติดตามตัววัยรุ่นรายนี้ได้ ซึ่งจากการตรวจสอบทะเบียนรถยนต์คันที่ยึดได้ พบว่า ทะเบียนรถกับสีรถต่างกัน เพราะทะเบียนรถเป็นสีแดง แต่รถเป็นสีม่วง อาจจะต้องตรวจสอบเพิ่มเติม กรณีดังกล่าวเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการป้องกันปราบปรามรถซิ่งและการแข่งรถที่สร้างความเดือดร้อนในปัจจุบัน
สว.จร.สภ.เมืองสระแก้ว กล่าวว่า อยากฝากประชาชนที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ทุกครั้งต้องเน้นย้ำเรื่องความปลอดภัย สวมหมวกกันน๊อคทุกครั้ง ท่อที่แต่งซิ่งควรเปลี่ยนให้เรียบร้อย และดูแลบุตรหลาน ซึ่งตำรวจเองจะช่วยดูแลอีกทางหนึ่ง เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าว เดินทางลงพื้นที่เพื่อไปตรวจสอบจุดบริเวณที่เกิดเหตุและสอบถามชาวบ้านที่จุดแยกทางเข้าเทศบาลเมืองสระแก้ว บริเวณด้านหน้าร้านสเต็ก ม.6/4 ทราบจากผู้เห็นเหตุการณ์ว่า มีเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นจริง ตอนเกิดเหตุมีน้ำขังเล็กน้อย ตำรวจพยายามตะโกนเรียกให้วัยรุ่น จอด จอด มองไปดูก็เห็นรถมอเตอร์ไซด์วัยรุ่นเบรกแล้วหมุนก่อนจะล้มลง ช่วงที่จะเลี้ยวเข้าซอย พอตำรวจถามว่า หนีทำไม ทำไมไม่จอด มันก็ตะโกนตอบว่า ก็ท่อผมดัง มองว่า กรณีนี้ก็น่าจะดำเนินการเด็ดขาด เพราะตำรวจบอกให้จอดมันก็ไม่จอด
ล่าสุด พ.ต.ท.วรรณกิจ บูรณ์เจริญ รอง ผกก.ฝ่ายปราบปราม สภ.เมืองสระแก้ว กล่าวชี้แจงเพิ่มเติม กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจถีบรถจักรยานยนต์วัยรุ่นท่อเสียงดังที่ขับรถหลบหนีล้มคว่ำว่า รายนี้หลังรถล้มแล้วตำรวจก็มีการเชิญตัวคนขับพร้อมรถจักรยานยนต์มาที่ สภ.เมืองสระแก้ว เบื้องต้นพิจารณาแล้ว วัยรุ่นรายนี้ทำผิด 3 ข้อหา คือไม่สวมหมวกนิรภัย ขับรถไม่มีใบอนุญาตขับขี่ และท่อเสียงดัง ดัดแปลงสภาพรถ ซึ่งรถเสียงดังมาก และไม่พกบัตรประชาชน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็แจ้งข้อหาให้ทราบ ตาม พรบ.รถยนต์และพรบ.จราจรทางบก จากนั้นให้เขียนชื่อ-นามสกุล เนื่องจากเขาไม่พกบัตรประชาชน แต่หลังจากให้เขียนชื่อไปแล้ว จากการตรวจสอบตามข้อมูลทะเบียนราษฏร์ ตามชื่อ-นามสกุล ปรากฎว่า ไม่มีข้อมูลในบันทึกทะเบียนราษฏร์ แสดงว่า ข้อมูลที่เขียนมาเขาจงใจที่จะปกชื่อ-นามสกุล เป็นที่ต้องสงสัย จึงมีความผิดเรื่องการปกปิดชื่ออีก 1 ข้อหา
ทั้งนี้ พ.ต.ท.วรรณกิจ กล่าวอีกว่า กรณีนี้ในเมื่อตำรวจตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ เราไปซ้ำเติมตำรวจก็จะทำให้เสียขวัญกำลังใจ ถ้ามีประชาชนหรือญาติของท่านประสบเหตุการณ์ที่จะต้องให้ตำรวจช่วยเหลือ หรือตำรวจถูกโจมตีมาก ๆ หรือไม่มีกำลังใจปฏิบัติหน้าที่เพราะกลัวผิดพลาด กลัวถูกตั้งข้อหา กลัวถูกดำเนินคดี ในอนาคตไม่มีขวัญกำลังใจ ทำอะไรไปก็กลัวผิดไปหมด ก็จะไม่มีใครกล้าปฏิบัติหน้าที่ เวลามีเหตุวิทยุให้สกัดจับก็จะไม่มีใครกล้าทำ เพราะทำแล้วกลัวโดนสื่อสังคมโจมตี กลัวถูกดำเนินอาญาวินัย ตำรวจก็คิดไปต่าง ๆ นานา ซึ่งเราก็ต้องให้กำลังใจกัน ตำรวจจะได้มีกำลังใจทำงานปกป้องสังคม ปกป้องผู้สุจริตต่อไป
——————————
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: