ปราจีนบุรี – เกิดเหตุหนุ่มวัย 50 ปี ชักปืนยิงหนุ่มรุ่นน้องหวิดดับ สาเหตุเพราะพูดไม่เข้าหู ตำรวจตามรวบตัวทันควัน
เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 1 ก.ย.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.ประวิทย์ จันทนา สารวัตรสอบสวน สภ.วังตะเคียน ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ว่ามีคนถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาด ได้รับบาดเจ็บบนถนนทางหลวงชนบทสาย 2422 บ้านโนนเจริญ ม.14 ต.วังตะเคียน อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ญาติจึงรีบนำตัวคนเจ็บส่งโรงพยาบาลกบินทร์บุรี อย่างเร่งด่วน หลังรับแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอกำลังสายตรวจรถยนต์และชุดสืบสวนรุดตรวจสอบที่เกิดเหตุดังกล่าว
ข่าวน่าสนใจ:
จากการสอบถามเพื่อนบ้าน และผู้อยู่ในเหตุการณ์ ทราบว่า ก่อเหตุคือ นายบุญเกื้อ ไชยราช อายุ 50 ปี ก่อนเกิดเหตุ มีเพื่อนบ้านนั่งกินเหล้าด้วยกัน 2 วง ไม่ห่างกันนัก ผู้ก่อเหตุเดินมาหาอีกกลุ่มหนึ่ง โดยมี นายปัญญา กล้าแข็ง อายุ 21 ปี กับ นายเกรียงไกร ปังสังกะเต อายุ 29 ปี และพวกอีก 1-2 คน ร่วมวงกันอยู่ จู่ ๆ นายบุญเกื้อ ผู้ก่อเหตุได้เกิดพูดจากันไม่เข้าหู จึงเกิดการโต้เถียงกันจนเกิดการทะเลาะวิวาทกัน ระหว่างบุญเกื้อกับนายเกรียงไกร ส่วนนายปัญญาได้เข้าห้ามไม่ให้ทะเลาะกัน ทันใดนั้นนายบุญเกื้อได้ล้มลงบนถนน จากนั้นได้ชักปืนพกสั้นออกจากเอวหมายจะยิงนายเกรียงไกร แต่นายปัญญาเอาตัวเองบังไว้เลยถูกยิงเข้าที่บริเวณด้านหลังใต้ไหล่ซ้าย 1 นัด จนได้รับบาดเจ็บ
กระทั่งเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจตามจับกุมตัวนายบุญเกื้อไว้ได้ที่บ้าน พร้อมของกลางปืนพกสั้นขนาด 7.65 มม. โดยนายบุญเกื้อ ให้การว่า ได้เกิดมีปากเสียงทะเลาะกัน ตนเองล้มลงด้วยความโมโห จึงชักปืนออกมายิงนายเกรียงไกร แต่ว่านายปัญญาเอาตัวบังไว้ จึงถูกลูกหลงจนได้รับบาดถูกนำตัว ส่ง รพ.
ทางด้าน แม่ผู้บาดของผู้บาดเจ็บได้เดินทางมาดูอาการลูกชายที่ รพ.พร้อม กับนายเกรียงไกร ขณะที่นายเกรียงไกรก้มกราบขอโทษ นายปัญญาที่นอนอยู่บนเปลคนไข้ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะนำตัวเข้าห้องฉุกเฉิน แม่ของนายปัญญาโมโหที่นายเกรียงไกรทำให้ลูกชายถูกยิง ด้วยความโกรธแค้นร้องไห้โฮ ออกมาตะโกนด่านายเกรียงไกรด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ส่วนญาติ ๆ ได้รีบนำตัวนายเกรียงไกรออกห่างจากจุดดังกล่าว กลัวว่าจะถูกทำร้าย ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ก่อเหตุส่งตรวจหาเขม่าดินปืนและจะแจ้งข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นและสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป
—————————
ข่าว/ภาพโดย/ทองสุข สิงห์พิมพ์
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: