X

ชาวบ้านโวยถูกนายทุนไล่สวมสิทธิ์ออกโฉนดที่ดิน

ปราจีนบุรี – ชาวบ้านในพื้นที่กบินทร์บุรี โวยถูกนายทุนไล่สวมสิทธิ์ออกโฉนดที่ดิน หลังศาลมีคำพิพากษาก่อนหน้านี้

เมื่อวันที่ 16 ต.ค.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้าน ม.8 ต.เขาไม้แก้ว อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี รวมตัวกันพร้อมทนายและตำรวจ สภ.กบินทร์บุรี รุดตรวจสอบกลุ่มนายทุนหลอกซื้อขายที่ดิน ได้นำเจ้าหน้าที่รางวัดที่ดิน มาทำการรางวัดเขตที่ดินในที่ดินของตนเอง ซึ่งอยู่ติดถนนสาย 359 เวลาต่อมาได้พบกับกลุ่มนายทุน 5-6 คน พร้อมกับเจ้าหน้าที่รางวัดที่ ของสำนักงานที่ดินสาขากบินทร์บุรี ขณะที่เจ้าของที่ดินและทนายความ เจ้าหน้าที่ สปก.ปราจีนบุรี ได้นำเอกสารเขตที่ดินและเอกสารสิทธิ์ สปก. 4-01 ก. มายืนยัน เพื่อมิให้กลุ่มนายทุนชี้แนวเขตรางวัดที่ดินของตน ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้อ้างสิทธิ์โดยชอบธรรม ทนายจึงนำเอกสารของกรมที่ดินมาให้ดู โดยนายธีระ แก้วสมนึก และทนาย กฤษฎา ชิสส์ นำหนังสือของศาลที่พิพากษาออกมาแล้วว่า มีการฟ้องร้องกันมาแล้ว กลุ่มนายทุนโวยวายและพากันขึ้นรถหนีไป เจ้าหน้าที่ สปก.นำแผนที่และเอกสารมาให้ช่างรางวัดดู จากนั้นได้ทำการลงบันทึกข้อความในการมีการคัดค้านรางวัดที่ดินแปลงดังกล่าวในที่สุด

นายธีระ เจ้าของที่ดิน สปก. กล่าวว่า ถูกนายทุกบุกรุกที่ดิน 50 ไร่ มีผู้มาอาศัยอยู่ในที่ของตนเองมานานแล้ว และได้ต่อสู้ในชั้นศาลจนถึงที่สุดแล้ว และจะให้ผู้ที่มาปลูกบ้านอยู่ในที่ดินของตนออกไป 2-3 ครั้ง แต่ยังไม่ย้ายออก กระทั่งมีการฟ้องร้องในชั้นศาลจนชนะ จึงนำป้าย สปก.ที่ปักไว้ในที่ดินของตนให้กลุ่มนายทุนรับรู้ว่า ตนมีเอกสารสิทธิ์โดยชอบธรรม ในหนังสือของสำนักงานที่ดินสาขากบินทร์ที่ ปจ.0020.01.2/18258,18259 เรื่องรายงานการประชุมคณะกรรมการสอบสวนตามคำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน ที่ 2499/2551 ลงวันที่ 16 ต.ค.2561 เรียน นายก อบต.ลาดตะเคียน ผอ.การสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 9 ปราจีนบุรี อ้างถึง คำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน ที่ 2499/2551 ลงวันที่ 16 ต.ค.2451 ตามที่สำนักงานที่ดินจังหวัดปราจีนบุรี สาขากบินทร์บุรี ได้จัดการประชุมคณะกรรมการสอบสวนตามคำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน 2499/2551 ลงวันที่ 16 ต.ค.51 ครั้ง 1/2562 เมื่อวันที่ 20 ส.ค.62 นั้นบัดนี้ สำนักงานที่ดินจังหวัดปราจีนบุรี สาขากบินทร์บุรี ได้ทำรายงานการประชุมดังกล่าวเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว จึงขอส่งสำเนารายงานการประชุมคณะกรรมการสอบสวนตามคำสั่งอธิบดีกรมที่ดินที่ 2499/2551 ลงวันที่ 16 ต.ค.2551 ครั้งที่ 1/2562 เพื่อให้ท่านตรวจสอบแก้ไข หากพบข้อผิดพลาดขอให้ท่านแจ้งฝ่ายเลขานุการ ภายใน 14 ต.ค.2562 หากครบกำหนดแล้วจะไม่มีการแก้ไข ถือว่าไม่ประสงค์แก้ไข ฝ่ายเลขานุการจะได้พิจารณาดำเนินการต่อไปนี้ ลงชื่อ นางอารีย์ คงอินทร์ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดปราจีนบุรี สาขากบินทร์บุรี

ทั้งนี้ อธิบดีกรมที่ดินได้มีคำสั่ง ที่ 2499/2552 ลงวันที่ 16 ต.ค.2551 ตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามความในมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน เพื่อสอบสวนกรณีที่ปรากฎว่า หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3ก.) จำนวน 199 แปลง ต.ลาดตะเคียน อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เป็นหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.)ที่ออกไปโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากเป็นหนังสือรับรองประโยชน์ ที่ออกตามโครงการเดินสำรวจออก น.ส.3 ก. เมื่อปีพ.ศ.2517 โดยไม่มีหลักฐานการแจ้งการครอบครอง (สค.1) ตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ “ป่าแควระบมสียัด” ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 409 (พ.ศ.2512) ลงวันที่ 12 ก.พ.ออกตามความในพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 ซึ่งเป็นที่ดินต้องห้ามมิให้ออกหนังสือแสดงสิทธิ์ในที่ดินตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 2 (พ.ศ.2497) และกฎกระทรวงฉบับที่ 5 (พ.ศ.2597) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 ซึ่งบังคับใช้ในขณะนั้น อธิบดีกรมที่ดิน จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการฯ ประกอบด้วย เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดปราจีนบุรี สาขากบินทร์บุรี เป็นประธาน นายอำเภอกบินทร์บุรี นายก อบต.ลาดตะเคียน และ ผอ.ฯป่าไม้ที่ 9 (ปราจีนบุรี) ที่ดินทั้งหมด 119 แปลง ยังไม่มีการับรองแนวเขตป่าไม้ถาวร จึงยังไม่มีการส่งให้กรมพัฒนาที่ดินตรวจสอบและรับรองแนวเขตป่าไม้ถาวร จึงให้จังหวัดตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับเขตการปกครองของ น.ส.3 ก.ทั้ง 199 แปลง ให้ได้ข้อยุติ เพื่อให้การดำเนินการเพิกถอนแก้ไขตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน เป็นไปด้วยความถูกต้องตามกฎหมายต่อไป

——————————-
ข่าว-ภาพโดย/ทองสุข สิงห์พิมพ์

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

Picture of ธนภัท กิจจาโกศล

ธนภัท กิจจาโกศล

"ธนภัท กิจจาโกศล" ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สระแก้ว "ประสบการณ์ยาวนานกับงานสื่อสารมวลชนระดับประเทศ ในกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ จับงานด้านข่าว สกู๊ปและรายงานพิเศษ กว่า 22 ปี มุ่งสื่อสารความจริงและข่าวสารที่เป็นธรรม สู่ประชาชนในภูมิภาค ด้วยจรรยาบรรณของฐานันดรที่ 4 เพื่อสร้างความโปร่งใสการรับรู้ข่าวสารของสังคม"