X

ชาวบ้านหันทราย อรัญประเทศ เกือบ 500 คน รวมตัวคัดค้านโรงงานไฟฟ้าฯ

สระแก้ว – ชาวบ้าน ต.หันทราย อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เกือบ 500 คน รวมตัวคัดค้านและลงมติไม่เอาโรงงานไฟฟ้าฯ ขนาดใหญ่ในพื้นที่ หลังบริษัทเอกชนเตรียมจัดเวทีประชาคมครั้งแรกที่อำเภอในวันที่ 21 และ 23 พ.ค.นี้

เมื่อเวลา 00.01 น.วันที่ 18 พ.ค.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านในพื้นที่ 10 หมู่บ้าน ในตำบลหันทราย อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว จำนวนเกือบ 500 คน รวมตัวกัน ตั้งแต่เวลาประมาณ 19.00 น.ที่บริเวณลานตลาดชุมชนบ้านหันทราย เพื่อพูดคุยและเสนอความเห็นกรณีที่ บริษัทเอกชนเตรียมจัดทำเวทีรับฟังความคิดเห็นครั้งที่ 1 เพื่อก่อสร้างโครงการโรงงานไฟฟ้าจากพลังงานก๊าซชีวภาพร่วมกับพลังงานแสงอาทิตย์ ของบริษัทซุปเปอร์โซล่าร์ เอนเนอร์ยี่ จำกัด ในพื้นที่ ม.9 และ 10 ต.หันทราย ที่หอประชุมอำเภออรัญประเทศ ในวันที่ 21 พ.ค.61 ซึ่งมีรายงานว่า ชาวบ้านได้เตรียมเครื่องกระจายเสียง จอโปรเจคเตอร์ และนำป้ายคัดค้านจำนวนกว่า 10 ป้าย มาติดในบริเวณที่มีการนัดรวมตัวด้วย โดยมีข้อความ เช่น เรารักบ้านเกิด เรารักธรรมชาติ “เราร่วมคัดค้าน” การสร้างโรงไฟฟ้าฯ, รักลูกห่วงหลาน ร่วมกันค้านโรงไฟฟ้า เป็นต้น

นายศิริวัฒน์ วรนาง ผอ.โรงเรียนบ้านหันทราย และเลขานุการชมรมอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ต.หันทราย อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เปิดเผยว่า ชาวบ้านเดินทางเข้าร่วมทุกหมู่บ้าน แม้ว่าช่วงประมาณ 2 ทุ่ม จะเกิดไฟฟ้าดับก็ตาม โดยมีการพูดคุยและให้ข้อมูลเกี่ยวกับข้อเสียและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นภายหลังมีการก่อสร้างโรงงานไฟฟ้า โดยใช้เวลาพูดคุยไปจนถึงเกือบเวลา 24.00 น. ซึ่งมติในที่ประชุมชาวบ้านมีความเห็นร่วมกันว่า รับได้กับโครงการไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งมีผลเสียน้อยกว่า แต่ไม่ต้องการโครงการโรงงานไฟฟ้าพลังก๊าซชีวมวลในพื้นที่ชุมชน เนื่องจากหากปล่อยให้มีการก่อสร้างแล้ว จะเกิดผลกระทบตามมา การแก้ไขจะทำได้ยากมาก อีกทั้งอยู่ใกล้ชุมชมด้วย

” ชาวบ้านไม่เอาโครงการโรงไฟฟ้าโรงนี้ เพราะบ้านเราย้ายหมู่บ้านหนีไปไหนไม่ได้ ถ้ามันเกิดขึ้น จึงเป็นมติของชาวบ้านหันทรายทั้ง 10 หมู่บ้าน ซึ่งพิจารณากันแล้วไม่ต้องการ จึงคัดค้านไม่ให้สร้างในหมู่บ้านเรา เพราะห่างไม่ถึง 2 กม. ความดังของเสียงที่ 85 เดซิเบล ไปไกลถึง 10 กม. ควันจากการเผาไหม้ครอบคลุมเป็น 10 กม. ไปถึง ต.บ้านด่าน และคลุมพื้นที่ ต.หันทรายทั้งตำบล ซึ่งภายหลังพูดคุยและนำข้อมูลมาพิจารณากันเสร็จ ผู้นำชุมชนและชาวบ้านจึงขอความเห็นและมีมติร่วมกัน พูดคำเดียวว่า เราไม่เอาโรงงานไฟฟ้าฯ และจะนำมตินี้ไปเสนอในการจัดทำเวทีรับฟังความคิดเห็นที่ อ.อรัญประเทศ วันที่ 21 พ.ค.นี้ด้วย” นายศิริวัฒน์ กล่าว

ชาวบ้านรายหนึ่ง แสดงความเห็นว่า การตั้งโรงงานไฟฟ้าและพลังงานแสงอาทิตย์ แม้บริษัทจะบอกว่า โครงการจะผ่านหรือไม่ผ่าน ขึ้นอยู่กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ซึ่งจะมีเวที 2-3 เวที ที่จะแจ้งให้ประชาชนได้รับทราบ แต่ในความเห็นจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นทั้งหมด ซึ่งเมื่อผู้มีอำนาจและมีส่วนได้ส่วนเสียหลับหูหลับตา ซึ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง ชาวบ้านจะต้องเจอแน่นอน หลังจากมีการนัดทำประชาคมแล้ว บริษัทเอกชนส่วนใหญ่จะไม่สนใจว่า ชาวบ้านจะคัดค้านอย่างไร พร้อมกับระดมนักสังคม นักจิตวิทยาเข้าชุมชน เพื่อผลักดันการจัดทำผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมหรืออีไอเอ และที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือ ระดับน้ำใต้ดินซึ่งมีระดับไม่เท่ากัน จะส่งผลกระทบในระยะยาว ทำให้โครงการอื่น ๆในหลายพื้นที่ไม่ผ่านการพิจารณาเนื่องจากไม่ผ่านความเห็นชอบจากประชาชน แต่ส่วนใหญ่จะมีการดันทุรังเพื่อที่จะก่อสร้างให้ได้

อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวมีผลกระทบบริเวณโดยรอบพื้นที่ ม.9 และ ม.10 ต.หันทราย อ.อรัญประเทศ ซึ่งบริษัทเอกชนมีแผนจะจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นครั้งแรกที่ อ.อรัญประเทศ ,ที่ ต.บ้านด่าน และครั้งที่ 2 พื้นโครงการที่ ต.หันทราย อีกครั้ง ส่วนพื้นที่ ต.วัฒนานคร อ.วัฒนานคร จะมีการรับฟังความคิดเห็นในวันที่ 23 พ.ค.นี้ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ โครงการโรงไฟฟ้าจากพลังงานก๊าซชีวภาพร่วมกับพลังงานแสงอาทิตย์ มีลักษณะโครงการเป็นการผลิตไฟฟ้าโดยใช้พลังงานหมุนเวียน 2 รูปแบบผสมผสานกัน ประกอบด้วย การผลิตกระแสไฟฟ้าโดยใช้ก๊าซชีวภาพ ที่รับจากภายนอกมาเผาไหม้ เพื่อผลิตไฟฟ้าขนาด 12 เมกกะวัตต์ และการผลิตไฟฟ้าโดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์ อีก 20 เมกกะวัตต์ เพื่อขายไฟให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จำนวน 16 เมกกะวัตต์ ที่เหลือใช้ในกิจกรรมภายในโครงการ

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

Picture of ธนภัท กิจจาโกศล

ธนภัท กิจจาโกศล

"ธนภัท กิจจาโกศล" ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สระแก้ว "ประสบการณ์ยาวนานกับงานสื่อสารมวลชนระดับประเทศ ในกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ จับงานด้านข่าว สกู๊ปและรายงานพิเศษ กว่า 22 ปี มุ่งสื่อสารความจริงและข่าวสารที่เป็นธรรม สู่ประชาชนในภูมิภาค ด้วยจรรยาบรรณของฐานันดรที่ 4 เพื่อสร้างความโปร่งใสการรับรู้ข่าวสารของสังคม"