ศาลอาญายืนตามศาลอุทธรณ์ จำคุก 6 แกนนำพันธมิตรฯ คนละ 8 เดือน ไม่รอลงอาญา คดีบุกทำเนียบรัฐบาลเมื่อปี 2551
ศาลอาญา นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีอดีตแกนนำพันธมิตรฯ บุกทำเนียบรัฐบาล เมื่อปี 2551 โดยอัยการฝ่ายคดีอาญาเป็นโจทก์ยื่นฟ้องแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.) 6 คน ในคดีบุกยึดทำเนียบรัฐบาลเมื่อปี 2551 ให้จำคุกคนละ 8 เดือนไม่รอลงอาญา
ก่อนหน้านี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยคนละ 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ส่วนศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้โทษ เหลือจำคุกจำเลยคนละ 8 เดือนไม่รอลงอาญา
แกนนำพธม.ทั้ง 6 คนที่ตกเป็นจำเลย คือ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง อายุ 83 ปี, นายสนธิ ลิ้มทองกุล อายุ 70 ปี, นายพิภพ ธงไชย อายุ 72 ปี, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ อายุ 68 ปี นายสมศักดิ์ โกศัยสุข อายุ 72 ปี แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) และนายสุริยะใส กตะศิลา อายุ 45 ปี ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน หรือกลุ่มการเมืองสีเขียว และอดีตผู้ประสานงาน พธม.
ทั้ง 6 คน มีความผิดฐานร่วมกันบุกรุกโดยกระทำความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไป และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์กรณีบุกรุกเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 358, 362 และ 365
อัยการโจทก์ฟ้องระบุว่า เมื่อวันที่ 25 พ.ค.2551 ผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งมีจำเลยดังกล่าวเป็นแกนนำจัดปราศรัยชักชวนประชาชนเข้าร่วมชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน เพื่อกดดันให้ นายสมัคร สุนทรเวช ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยเคลื่อนขบวนฝ่าแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไปทำเนียบรัฐบาลและกระจายกำลังปิดล้อมสถานที่ราชการหลายแห่ง
ต่อมาหลังจากนายสมัคร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ แล้วนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ขึ้นดำรงตำแหน่งแทน และมีกำหนดวันแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ในวันที่ 7 ต.ค.2551 ปรากฏว่า วันที่ 26 ส.ค.2551 เวลากลางวัน จำเลยทั้ง 4 กับพวก ได้เคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาล โดยปิดล้อมทางเข้าออกทำเนียบทุกด้าน ได้ใช้เครื่องมือทำลายกุญแจประตูทำเนียบ และทำลายแผงกั้นที่เจ้าหน้าที่ใช้ควบคุมดูแลความสงบในทำเนียบ
ต่อมา จำเลยได้ร่วมกันรื้อทำลายสิ่งกีดขวางแล้วปีนรั้วเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล รวมทั้งนำรถยนต์ 6 ล้อที่ติดเครื่องขยายเสียงขนาดใหญ่ ไปจอดหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาลแล้วผลัดเปลี่ยนกันขึ้นปราศรัยและระหว่างที่พวกจำเลยจัดเวทีปราศรัยในทำเนียบรัฐบาล ซึ่งมีผู้ชุมนุมจำนวนมาก เหยียบสนามหญ้าและต้นไม้ประดับจนตาย และทรัพย์สินเสียหายรวม 5 ล้านบาท
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: