สุทธิชัย หยุ่น อดีตผู้บริหารเครือเนชั่น หลังประกาศยุติบทบาทในเครือเนชั่น ได้เริ่มบทบาทใหม่ในฐานะสื่อมวลชนผ่านโซเซียลมีเดีย โดยจัดรายการ “สุทธิชัย Live” ทางช่อง YouTube
“สุทธิชัย Live” ที่ผ่านมา มักจะจัดรายการพูดคุยและสัมภาษณ์ประเด็นใหญ่ หรือความเคลื่อนไหวที่น่าติดตาม แต่ในวันนี้ “สุทธิชัย”ลุกขึ้นมาวิพากษ์วิขารณ์สังคมอย่างรุนแรง ด้วย 3 กรณีใหญ่ ที่เขาเห็นว่า เป็นตัวอย่างของความเหลื่อมล้ำที่อยู่ในสังคมไทย “ทุกตารางเมตร” และเป็นปัญหาใหญ่ที่ทำให้สังคมไทยสิ้นหวัง
ทั้งสามกรณี คือ กรณีของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับ “นาฬิกาหรู” ที่มีครอบครองหลายสิบเรือนและไม่ได้แจ้งที่มาที่ไปของการได้มากับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) แต่กลับตอบว่า “ยืมเพื่อน” ซึ่งขณะนี้กรณีนี้ก็ยังไม่ไปถึงไหน คนในแวดวงรัฐบาลก็ตอบเลี่ยงไปเลี่ยงมา
กรณีที่สอง กรณีพล.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) ซึ่งปัจจุบันเป็นนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ที่ออกมาระบุว่าได้ยืมเงิน“เสี่ยกำพล” หรือ กำพล วิระเทพสุภรณ์ ผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์-อาบอบนวด วิคตอเรีย ซีเครท จำนวน 300 ล้านบาท โดยบางถ้อยคำที่หลุดออกมา บอกว่าตัวเองเป็นนักธุรกิจใครก็รู้ “อาชีพตำรวจเป็นแค่ไซด์ไลน์”
กรณีหลังสุด คือ กรณี นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บริษัทอิตาเลียนไทย จำกัด(มหาชน) ถูกจับขณะล่าสัตว์อยู่ในเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร จ.กาญจนบุรี และมีคำบันทึกจากเทปเสียงและเอกสาร ชี้ให้เห็นว่าสังคมไทยกำลังเผชิญกับปัญหาใหญ่ในเรื่องการดำเนินการตามกฎหมายกับผู้มีฐานะระดับมหาเศรษฐี ดังที่เกิดขึ้นกับกรณีนี้
สุทธิชัย สะท้อนให้เห็นว่าทั้ง 3 กรณีคล้ายกัน คือ สังคมไทยมีความเหลื่อมล้ำอย่างรุนแรง โดยเฉพาะกับคนที่มีอำนาจและผู้มีฐานะร่ำรวย
นับว่าน่าจับตาบทบาทของ สุทธิชัย ที่ผลิกบทบาทใหม่ มาเป็นผู้วิพากษ์วิจารณ์สังคม
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: