ผู้พิการกว่า 7.2 หมื่นคนที่บุรีรัมย์ ต้องดิ้นรนหาทุนช่วยเหลือกันเอง หลังจากสลากกินแบ่งรัฐบาลขายยาก เพราะไปชนกับสลากดิจิทัล ผลิตของที่ระลึกไปจำหน่าย เพื่อเป็นกองทุนช่วยเหลือกลุ่มผู้พิการด้วยกันก็ขายยาก เพราะเศรษฐกิจตกต่ำ วอนผู้ใจบุญเห็นใจช่วยอุดหนุน ยืนยันไม่ใช่มิจฉาชีพ
วันที่ 24 ก.ค.65 สมาคมคนพิการจังหวัดบุรีรัมย์ เรียกร้องอยากให้รัฐบาลหาแนวทางช่วยเหลือ และประชาชนผู้ใจบุญมาอุดหนุนกิจกรรมของผู้พิการในจังหวัดบุรีรัมย์ ที่มีกว่า 72,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่ยากจน และทำงานหาเงินมาเลี้ยงชีพไม่ได้
น.ส.ศุภลักษณ์ พฤษชาติ หัวหน้างานจัดกิจกรรมพิเศษช่วยเหลือผู้พิการ 77 จังหวัด กล่าวว่าตอนนี้กลุ่มคนพิการ ได้จัดทำวัตถุมงคล และของที่ระลึก เพื่อจะเดินสายจำหน่ายให้กับข้าราชการ และประชาชนทั่วไป เพื่อต้องการหาเงินเข้ากองทุน ไว้ช่วยเหลือผู้พิการที่ยังรอความช่วยเหลืออีกเป็นจำนวนมาก
เนื่องจากผู้พิการซึ่งมีมากกว่า 72,000 คนในจังหวัดบุรีรัมย์ ส่วนใหญ่มีฐานะยากจน 800 บาทจากเบี้ยคนพิการ ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพได้ จึงจำเป็นต้องหาเงินกองทุนเอาไว้ช่วยเหลือกลุ่มผู้พิการกลุ่มนี้
น.ส.ศุภลักษณ์ กล่าวด้วยว่า จากผู้พิการในจังหวัดบุรีรัมย์ทั้งหมด 72,000 คน ประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ พิการด้านความเคลื่อนไหว และภายใน 50 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือ หรือประมาณ 18,000 คน ป่วยติดเตียง ต้องสวมแพมเพิสทุกวัน ซึ่งมีราคาแพง ซึ่งสมาคม จะต้องหาแนวทางช่วยเหลือกลุ่มผู้พิการกลุ่มนี้
วัตถุมงคล หรือของที่ระลึก ที่ผู้พิการ ออกตระเวนจำหน่ายตามสถานที่ต่างๆ ในตอนนี้ ยอดขายตกกว่าทุกปีที่ผ่านมา เพราะปัญหาเศรษฐกิจ ประกอบกับมีกลุ่มมิจฉาชีพออกหลอกชาวบ้านเป็นประจำ จึงทำให้มีผู้คนบางกลุ่มไม่มั่นใจว่าเป็นของคนพิการจริงหรือไม่ ยืนยันกลุ่มผู้พิการกลุ่มนี้ไม่ใช่มิจฉาชีพ หรือเป็นขบวนการใด แต่เป็นคนพิการที่ต้องการหาเงินเข้าสมาคม เพื่อช่วยเหลือกลุ่มผู้พิการด้วยกันแน่นอน
ด้านนายอุทัย จิตสัตย์ นายกสมาคมผู้พิการจังหวัดบุรีรัมย์ บอกว่าที่ผ่านมาหลังจากรัฐบาลมีสลากฯดิจิทัลจำหน่าย กลุ่มผู้พิการที่จำหน่ายสลากฯกลุ่มหนึ่งได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก จึงอยากจะให้รัฐบาลเพิ่มโควต้าสลากกินแบ่งรัฐบาลให้กับกลุ่มผู้พิการ แล้วนำไปฝากขายในแอปของรัฐบาล เชื่อว่าความเดือดร้อนของคนพิการจะดีขึ้น
นายอุทัย บอกด้วยว่า คนพิการจำเป็นจะต้องมีเครื่องอำนวยความสะดวกให้กับตัวเอง มากกว่าคนปกติ เช่นรถเข็นล้อเลื่อน ไม้เท้า และอื่นๆ มีผู้พิการมากกว่า 18,000 คน ในจังหวัดไม่มีเครื่องมือช่วยเหลือในการใช้ชีวิตประจำวัน ดังนั้นกลุ่มผู้พิการที่พอมีกำลัง จึงจำเป็นต้องจัดกิจกรรมเพื่อหาเงินมาช่วยเหลือผู้พิการด้วยกัน
