ประเทศไทยเปิดตัวโทรฟี่ “ThaiGP” พร้อมชวนแฟนความเร็วทั่วโลก ร่วมนับถอยหลังสู่สัปดาห์แห่งประวัติศาสตร์มอเตอร์สปอร์ตไทย
“ก.ท่องเที่ยวและกีฬา”ร่วมกับ“การกีฬาแห่งประเทศไทย” หน่วยงานภาครัฐ-เอกชน แถลงเปิดตัวถ้วยรางวัลโมโตจีพี รายการ “โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2022” พร้อมชวนแฟนมอเตอร์สปอร์ตทั่วโลก ร่วมนับถอยหลังอีก 22 วัน กับ สุดยอดอีเว้นท์กีฬาระดับพรีเมียมที่จะระเบิดศึกในวันที่ 30 กันยายน – 2 ตุลาคม 2565 ด้าน รมว.พิพัฒน์ เผยแนวคิดการออกแบบ ผสานความมหัศจรรย์ของปรากฎการณ์แสงอาทิตย์ลอดช่องประตูของปราสาทหินพนมรุ้ง สื่อสารอัตลักษณ์ความเป็นไทย ด้วยตัวละครหนุมานและลายเส้นแทร็กของสนามช้างฯที่เป็นสนามแข่งขันเข้าด้วยกัน ภายในงานยังมีกิจกรรมในเทศกาลความเร็วสุดยิ่งใหญ่อีกมากมาย จัดเต็มทุกบูธ ทุกภาคส่วน รอต้อนรับผู้ชมและผู้ติดตามตลอด 3 วัน
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดแถลงข่าวนับถอยหลังการจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก หรือโมโตจีพี ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ภายใต้ชื่อรายการ “โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2022” (OR THAILAND GRAND PRIX 2022) ซึ่งจะชิงชัยที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ระหว่าง 30 กันยายน – 2 ตุลาคม 2565 ท่ามกลางการรอคอยของแฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทยและทั่วโลก กับการเป็นเจ้าภาพปีที่ 3
วันที่ 8 กันยายน 2565 ที่สโมสรราชพฤกษ์คลับ กรุงเทพ : นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธาน พร้อมด้วยตัวแทนผู้สนับสนุน ทั้งภาครัฐและเอกชน นำโดย การกีฬาแห่งประเทศไทย, จังหวัดบุรีรัมย์, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, กองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.) กรมการขนส่งทางบก, บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์, บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดยเครื่องดื่มตราช้าง, บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด, บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด, ธนาคารไทยพาณิชย์จำกัด (มหาชน), สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต รวมทั้งสื่อมวลชนและผู้สนับสนุนร่วมงานมากมาย
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า เหลืออีกเพียง 3 สัปดาห์ ก่อนเข้าสู่สุดสัปดาห์แห่งประวัติศาสตร์มอเตอร์สปอร์ตไทย กระทรวง การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะตัวแทนของรัฐบาลไทยและคนไทย ขอให้ความมั่นใจว่า ขณะนี้ประเทศไทยพร้อมเกิน 100% ที่จะจารึกหน้าประวัติศาสตร์การแข่งขันร่วมกันอีกครั้ง โดยทางกระทรวงฯมีกำหนดการในการนำคณะทำงานลงพื้นที่ตรวจความพร้อมครั้งสุดท้าย ก่อนเริ่มงานวันที่ 28 กันยายน 2565 รวมทั้งนำคณะสื่อมวลชนเข้าเยี่ยมหมู่บ้านนกกระเรียนพันธุ์ไทย ชุมชนบ้านสวายสอ จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งจะเป็นอีกจุดเชื่อมโยงการท่องเที่ยวเชิงกีฬา ดึงดูดผู้ชมงานให้มาท่องเที่ยวท้องถิ่น โดยการใช้เสน่ห์ ภูมิปัญญา วิถีชีวิต วัฒนธรรม และผลิตภัณฑ์ OTOP ในการสร้างรายได้ให้กับชุมชน
“สำหรับถ้วยรางวัลปีนี้ออกแบบสื่อถึงปรากฏการณ์ธรรมชาติที่แสงอาทิตย์ลอดช่อง 15 ประตู ของปราสาทหินพนมรุ้งที่มีชื่อเสียงโด่งดังของ จ.บุรีรัมย์ และด้านบนของฐานคือลวดลาย บนแทร็กของ สนามช้างฯ ผสมผสานตัวละครหนุมานที่ใช้ในสื่อประชาสัมพันธ์ของ ThaiGP โดยหนุมานเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงความรวดเร็ว ว่องไว เปรียบเสมือนการแข่งขันโมโตจีพีที่เป็นกีฬาแห่งความเร็วเช่นกัน”
ทั้งนี้ ในส่วนของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้เปิดพาวิลเลี่ยนภายใต้แนวคิด Amazing Thailand Festival at ThaiGP ศูนย์รวมข่าวสารด้านการท่องเที่ยว มีเจ้าหน้าที่สื่อสารไทย-อังกฤษคอยให้บริการกับนักท่องเที่ยวตลอด 3 วันของการจัดงาน แบ่งเป็นโซนต่างๆอาทิ โซนเที่ยวไทย 5 ภาค, โซน Sport Event สนุกกับกิจกรรมกีฬาในรูปแบบเกม Interactive ที่ทันสมัย เช่น มาราธอน, ไตรกีฬา, จักรยานทางไกล ฯลฯ
ด้านนายธัชกร หัตถาธยากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า ในฐานะที่จังหวัดบุรีรัมย์ ได้เป็นเจ้าบ้านในการจัดการแข่งขันโมโตจีพีเป็นปีที่ 3 ในครั้งนี้ จังหวัดยังคงรักษามาตรฐานให้งานที่กำลังจะมาถึงมีความสมบูรณ์แบบที่สุด มีการนำของดีบุรีรัมย์ เช่น ผ้าไหม ผ้าฝ้ายอัคนีผลิตภัณฑ์จากชุมชน อาหารของฝากขึ้นชื่อและงานฝีมือมากมาย เพื่อต้อนรับผู้มาเยือน นอกจากนี้ยังมีในการบริการด้านข้อมูลสำคัญต่างๆสำหรับผู้เข้าชมงานโมโตจีพี นอกจากจะมีอาสาสมัครและจิตอาสานับพันคนที่ดูแลด้านต่างๆ ในปีนี้ยังได้จัดเตรียม Line Official, Website 2 ภาษา ทั้งไทยและอังกฤษ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถสแกน QR Code เพื่อเข้าแพลตฟอร์มต่างๆ และเช็กข้อมูลที่จำเป็นได้ตลอด 24 ชั่วโมง และยังมีข้อมูลที่จำเป็นทุกอย่าง เช่น เส้นทางเข้าออกสนามแข่งขัน จุดบริการรถรับส่ง สถานที่จอดรถ ผังของงาน ข้อมูลที่พัก ร้านอาหาร แหล่งท่องเที่ยว เพื่ออำนวยความสะดวก สร้างความเชื่อมั่นและสร้างความประทับใจให้มากที่สุด
“ในปีนี้เรายังมีไฮไลต์สำคัญคือโครงการนำร่องท่องเที่ยววิถีชุมชนหมู่บ้านนกกระเรียนพันธุ์ไทย ชุมชนบ้านสวายสอ จ.บุรีรัมย์ มีมัคคุเทศก์นำเที่ยวเส้นทางท่องเที่ยวในชุมชน พักโฮมสเตย์ ทำโฮมสปาภูมิปัญญาชาวบ้าน รับประทานอาหารจากเถียงนาเชฟเทเบิ้ล และช้อปปิ้งของพื้นถิ่นผลิตภัณฑ์ชุมชน ซึ่งสิ่งนี้เองที่ชาวบุรีรัมย์ทุกคนร่วมใจกันนำเสนอและหวังว่าจะเป็นต้นแบบ Buriram Model ในการให้ชุมชนอื่น หมู่บ้านอื่นของไทยได้นำไปเป็นต้นแบบให้เกิดการพัฒนา วิถีชุมชนที่ยั่งยืนต่อไป และเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะสร้างความประทับใจให้กับแขกผู้มาเยือนได้อย่างแน่นอน”
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: