หนุ่มวัย 47 ปี ถือมีดบุกมาฟันหน้าเมียเก่าวัย 56 ปีที่เพิ่งเลิกไปได้ 2 เดือน พร้อมสาดกรดใส่ร่าง ขณะกำลังทำเตียงนอนใหม่กับเพื่อนบ้านวัย 58 ปีแล้วหลบหนีไป ผู้บาดเจ็บเผย คาดหึงหวงที่ตนวานเพื่อนบ้านมาช่วยทำเตียงใหม่ ไม่ได้เป็นกิ๊กแต่อย่างใด
วันที่ 11 ก.ย.65 เมื่อเวลา 13.30 น.ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ไชยยา สระโสม รอง ผกก.(สอบสวน)สภ.เมือง เมืองบุรีรัมย์ รับแจ้งมีเหตุทำร้ายร่างกายกันที่บ้านไทรโยงเหนือ หมู่ 19 ต.กระสัง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จึงประสานหน่วยกู้ชีพ อบต.กระสัง ร่วมตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบ นางสาวเขียว เปลี่ยนรัมย์ อายุ 56 ปี ชาวบ้าน บ้านไทรโยงเหนือ ต.กระสัง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ นอนร้องขอความช่วยเหลือ ในสภาพบริเวณศีรษะ ถูกของมีคมฟันเป็นแผลฉกรรจ์ ตาซ้ายลืมไม่ได้ มีอาการปวดแสบปวดร้อน ตามเสื้อผ้ามีรอยพรุน คาดว่าเกิดจากถูกน้ำกรด
สอบถามนางสาวเขียว ขณะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ ซึ่งยังพอพูดได้ บอกว่าคนก่อเหตุคือนายจำรัส หรือหนุ่ม นาคกระโทก อายุ 47 ปี อดีตสามีของตนเองที่เพิ่งเลิกรากันไปเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา ตนได้วานให้นายประจวบ อายุ 58 ปี เพื่อนบ้านมาช่วยทำเตียงนอนใหม่ โดยวันนี้คาดว่าจะประกอบเสร็จ
ทันใดนั้นได้มีอดีตสามี ซึ่งเลิกรากันได้ประมาณ 2 เดือน ถือมีดเดินเข้ามา แล้วพูดว่า “มึงทำกันขนาดนี้เชียวเหรือ” ก่อนจะดึงแขนตนออกมาจากหน้าบ้านแล้วใช้มีดอีโต้ ฟันบริเวณหัว 1 ครั้ง ระหว่างที่ตนกำลังเอามือกุมแผลที่หัว อดีตสามียังได้สาดน้ำอะไรบางอย่างสาดใส่ใบหน้าและลำตัว ทำให้เกิดอาการปวดแสบปวดร้อนแล้วหลบหนีไป ส่วนตัวเชื่อว่าอดีตสามีซึ่งอยู่กินกันมาประมาณ 10 ปี น่าจะเกิดความหึงหวง คิดว่าตนทำเตียงเพื่อจะไปอยู่กับแฟนใหม่ แต่เรื่องจริงคือตนวานให้เพื่อนบ้านมาช่วยเท่านั้น
นางณิชาพัชร สังขะโห อายุ 29 ปี ลูกสะใภ้คนเจ็บ บอกว่า ตอนนั้นได้ยินเสียงแม่ร้องเสียงดัง จึงวิ่งเข้ามาดูพบแม่นอนกลิ้งร้องขอความช่วยเหลือ ส่วนอดีตสามีของแม่ ขับรถหนีไปต่อหน้า เมื่อตรวจสอบพบว่าเสื้อผ้าแม่เป็นรูพรุน คาดว่าน่าจะเอาน้ำกรดมาสาดซ้ำ การกระทำดังกล่าวถือว่ารุนแรงเกินไป เพราะได้เลิกรากันไปแล้ว น่าจะจบกันไปและไม่มีลูกด้วยกันที่จะทำให้ผูกพันได้ ส่วนสาเหตุยังเชื่อว่าเกิดจากความหึงหวง
ขณะที่นางถวย สังขะโห อายุ 64 ปี ญาติผู้บาดเจ็บ เล่าว่า เห็นนายหนุ่ม อดีตสามีนางสาวเขียว ขี่รถจักรยายนต์วนไปมาหลายรอบ จนกระทั่งบุกเข้าไปลากแขนเอามีดฟัน แล้วเอาน้ำกรดสาดซ้ำ ส่วนจะหึงหัวหรือไม่ตนไม่ทราบ.
