หญิงวัย 60 ปี ไม่ได้แจ้งเกิด พรากจากแม่นาน 47 ปี เพิ่งมารู้ตอนค้นข้อมูลทะเบียนราษฎร์ ทำบัตรประชาชน ว่าแม่อายุ 87 ปี ยังมีชีวิตอยู่ จ.ประจวบฯ อยากเห็นหน้าแม่ใจจะขาด อยากเห็นสักครั้งในวันแม่ที่จะถึงนี้ แต่ไม่มีเงินค่ารถไปหา นายอำเภอลำปลายมาศ สั่งถ้ามีหลักฐานให้ทำบัตรประชาชนให้ ล่าสุดพบมีหลักฐานสมบูรณ์ทั้งข้อมูลทางทะเบียนราษฎร์ และแม่ที่ยังมีชีวิต ตรวจ DNA ผ่านได้บัตรประชาชน ชื่นชมเจ้าหน้าที่ช่วยหาจนได้เจอแม่
วันที่ 11 ส.ค.66 ผู้สื่อข่าวได้ข้อมูลจากฝ่ายทะเบียนราษฎร์ที่ว่าการอำเภอลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ว่ามีหญิงอาศัยอยู่จังหวัดอุบลราชธานี มาติดต่อทำบัตรประชาชนที่ อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ บ้านเกิด แล้วพบข้อมูลของแม่ตัวเองโดยบังเอิญว่ายังมีชีวิตอยู่ หลังจากไม่ได้พรากจากกันมานานกว่า 47 ปี
จากการสอบถาม จ่าเอก อดิศักดิ์ สิงห์รัมย์ เจ้าพนักงานทะเบียนชำนาญงาน ที่ว่าการอำเภอลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ทราบว่าก่อนหน้านี้ได้มีหญิง ชื่อนางต้อย แสนศรี อายุ 60 ปี อาศัยอยู่ที่จังหวัดบุรีรัมย์ มาขอหลักฐานข้อมูลทางทะเบียนราษฎร์ ที่ อ.ลำปลายมาศ ระบุเป็นคนเกิดที่บ้านสี่เหลี่ยมใหญ่ หมู่ 3 ต.หนองบัวโคก จ.บุรีรัมย์ ต้องการมาทำบัตรประชาชน เพราะแม่ไม่ได้แจ้งเกิดมาตั้งแต่แรก
ข่าวน่าสนใจ:
- เด็กไทยเจ๋ง! วิทยาลัยเทคนิคคูเมือง บุรีรัมย์ คว้าแชมป์หุ่นยนต์ยุวชนโลก คว้า 2 ทอง-โล่ชนะเลิศ
- บุรีรัมย์ สถานีพัฒนาที่ดินบุรีรัมย์ จัดงานวันดินโลก 2567 น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ในหลวงรัชการที่ 9
- บุรีรัมย์ เก๋งกลับรถ รถบัสหมอลำเสียงอีสานชนสนั่น แดนเซอร์เจ็บเล็กน้อย
- บุรีรัมย์ จัดกิจกรรมวันป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ พร้อมเปิดศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและรณรงค์ลดอุบัติเหตุช่วงปีใหม่ 2568
จ่าเอกอดิศักดิ์ เล่าว่า ต่อมาพันจ่าโททวี พิมพ์อุบล นายอำเภอลำปลายมาศ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่หาข้อมูลให้ลึก เพราะหากเขาเป็นคนไทยจริง อาจจะเสียสิทธิ์ที่จะได้รับในความเป็นคนไทย จึงทำการค้นหาข้อมูลหลายมิติตามคำสั่ง
และจากการสอบถามข้อมูลนางต้อย ให้ข้อมูลว่า นางต้อย เกิดที่บ้านสี่เหลี่ยมใหญ่ อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ แม่ไม่ได้แจ้งเกิดให้ เรียนที่โรงเรียนในหมู่บ้านถึง ป.3 หลังจากนั้นแม่ได้พาเดินหารับจ้างทั่วไปเดินเลาะไปตามทางรถไฟ หาตัดฟืนเผาถ่านขาย รับจ้างตัดไม้หมอนรถไฟ จนกระทั่งไปปักหลักอยู่ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
เมื่อนางต้อย อายุได้ 13 ปี หรือประมาณ พ.ศ.2519 ได้ไปอยู่กินกับสามี ย้ายครอบครัวระเหเร่ร่อนสุดท้ายไปอยู่ที่จังหวัดอุบลราชธานี มีลูกกับสามี 3 คน อายุ 43 ,41 และ 33 ปี ลูกมีบัตรฯทั้งหมด แต่ตัวเองไม่มี จึงไม่ได้รับสิทธิ์ใดๆ จากทางราชการ
จ่าเอกอดิศักดิ์ กล่าวด้วยว่า จากการค้นประวัติ พบว่าแม่ของนางต้อย ชื่อนางแหล่ เคยอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 40 หมู่ 3 ต.แสลงพัน (ปัจจุบันแยกเป็น ต.หนองบัวโคก) อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ปัจจุบันอายุ 87 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 272 หมู่ 4 ต.ทับใต้ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ยังมีชีวิตอยู่ และยังพบในทะเบียนบ้านนางแหล่ มีลูกอยู่ด้วยกันอีก 3 คน
หลังจากนายอำเภอทราบข้อมูล ได้สั่งการให้ตนแจ้งไปยังนางต้อย ว่ากรณีนี้มีสิทธิ์ได้ทำบัตรประชาชน ด้วยการใช้หลักการข้อ 2 คือนำแม่ หรือพี่น้องที่เหลือมาตรวจ DNA หากตรงกันก็สามารถทำบัตรประจำตัวประชาชนได้ทันที ยอมรับเคสนี้หาข้อมูลนานกว่า 3 สัปดาห์กว่าจะพบการเชื่อมโยงกัน แต่ตอนนี้นางแหล่ แม่นางต้อย ยังไม่รู้ว่าลูกคนนี้ยังมีชีวิตอยู่
ผู้สื่อข่าวสอบถามนางต้อย เล่าทั้งน้ำตาว่า ที่ผ่านมาหลังจากพรากจากแม่ คิดถึงแม่เสมอ แต่ไม่รู้จะไปตามหาแม่ได้ที่ไหน ส่วนหนึ่งคิดว่าแม่คงจะเสียชีวิตแล้ว พอมาทราบข้อมูลจากที่ว่าการอำเภอลำปลายมาศ รู้สึกดีใจตอนนี้ทั้งอยากเห็นหน้าแม่ และอยากจะพาแม่มาอยู่ด้วย เพราะจากกันตั้งแต่ตนอายุได้เพียง 13 ปีเท่านั้น
ในวันแม่ปีนี้ส่วนตัวอยากจะเดินทางไปหาแม่ใจแทบขาด แต่ไม่มีเงินค่ารถเดินทางไปหา คงจะต้องรอเก็บเงินก่อนแล้วจะเดินทางไปหาแม่ทันที อยากกอด อยากคุยกับแม่เหมือนครั้งที่เป็นเด็ก และอยากรู้ว่า “แม่ยังจะจำหน้าลูกคนนี้ได้หรือไม่”
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: