หนุ่มวัย 37 ปี ร้องศูนย์ดำรงธรรม ให้ช่วยติดต่อเจ้าของรถสิบล้อ ที่ขายให้ 6 แสน จ่ายไปแล้ว 4 แสน จะจ่ายที่เหลือก่อนครบสัญญา ถูกปฏิเสธการรับเงิน ไม่รับสาย เจ้าตัวเผยมีทนายดังโทรติดต่อถ้าจะปิดยอดต้องจ่ายเพิ่มอีก 8 หมื่น มิเช่นนั้นยึดรถ บันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ว่า “อยากจ๊ายอยากจ่าย”
วันที่ 2 ม.ค.67 นายวิชัย จักรกระโทก อายุชาวอ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ เดินทางไปร้องที่ศูนย์ดำรงธรรม ศูนย์ราชการจังหวัดบุรีรัมย์
ว่าอยากจะให้เจ้าหน้าที่ช่วยติดต่อนางสุพิศ ชาว อ.หนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ เจ้าของรถยนต์สิบล้อ 84-6386 นครราชสีมา ที่ขายให้กับตนเองเมื่อปี 2565 ว่าอยากจะจ่ายเงินที่เหลือ 200,000 บาท จากราคาขาย 600,000 บาท แต่นางสุพิศ ปฏิเสธการรับเงิน ไม่รับสาย ถึงขั้นไปลงบันทึกประจำวันเอาไว้ต่อ ร.ต.อ. ปรฉัตร รักษาวงษ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ ว่าอยากจ่ายเงินที่เหลือแต่ติดต่อไม่ได้
จากนั้นเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรม โทรศัพท์ตามเบอร์ที่สามารถติดต่อได้ในหนังสือสัญญาซื้อขาย ปรากฏว่ามีปลายสายเป็นเสียงผู้ชายคาดว่าเป็นสามีของนายสุพิศ พอเจ้าหน้าที่ถามเรื่องรถที่ขายไปและรู้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ ปลายสายปิดสายทันที แล้วติดต่อไม่ได้อีก
นายวิชัย จักรกระโทก เล่าว่า ตนซื้อรถจากนางสุพิศ ในราคา 600,000 บาท ทำสัญญากันเอง โดยวางเงินวันรับรถ 300,000 บาท ที่เหลือ 300,000 ตามสัญญาให้จ่ายเป็นรายปี ๆ ละ 100,000 บาท ครบกำหนดชำระเดือนเมษายน 2567
ตอนนั้นทำสัญญาเดือนมีนาคม 2565 เดือนเมษายน ตนจ่ายให้ทันทีอีก 100,000 บาท เหลือที่ค้างอีก 200,000 บาท ต้องจ่ายเดือนเมษายน 2566 อีก 100,000 บาท แต่เดือนเมษายน 2566 ตนไม่มีเงินไปชำระ จึงเลื่อนออกไปจนกระทั่ง เดือน ก.ค.66 พอหาเงินได้จะเอาไปจ่ายอีก 100,000 บาทตามสัญญา แต่กลับถูกปฏิเสธการรับเงิน แล้วปิดสายทุกครั้งที่ตนโทรหา
นายวิชัย กล่าวด้วยว่า ต่อมาได้มีทนายชื่อดังคนหนึ่งของบุรีรัมย์ โทรมาหาตนบอกว่ารถที่ซื้อไปนั้นแจ้งยกเลิกสัญญา ตนเองงงมากจึงถามไปว่า “ผิดสัญญาตรงไหน” เพราะยังไม่สิ้นปี เนื่องจากสัญญาจ่ายปีละครั้ง ตนจึงให้ข้อเสนอไปว่า “งั้นผมจะตัดยอดทั้งหมดที่ค้าง 200,000 บาท”เท่ากับจ่ายล่าช้า 1 งวด จ่ายล่วงหน้า 1 งวดถือว่าหายกันไป
ได้รับคำตอบจากทนายว่า”ถ้าจะตัดยอดต้องจ่ายเพิ่มอีก 80,000 บาท เป็น 280,000 บาท”หากไม่ทำตามนั้นจะยึดรถคืน ตนรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมไปลงบันทึกประจำวันเอาไว้ที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์ว่า “อยากจ๊ายอยากจ่าย” แต่เขาไม่รับ จริงแล้วทนายเก่งขนาดนั้นฟ้องเอาตนก็พร้อมสู้ ตอนนี้อยากรู้ความในใจของเจ้าของรถและทนายความว่า “ทำแบบนี้ได้ด้วยหรือ”เหมือนใช้ศาลเตี้ยมาตัดสิน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: