ชาวกัมพูชา พาพี่น้องมาซื้อของฝั่งไทยที่ อ.บ้านกรวด บุรีรัมย์ จะเอาไปฉลองสงกรานต์ ขากลับเกิดรถคว่ำ มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 5 ราย บาดเจ็บ 11 คน รถพยายาบาลจากไทยรุกเข้าช่วยหามส่งโรงพยาบาลเมืองไทย คนขับรถเผย เป็นรถไถ่พ่วงกระบะโดยสาร ขากลับเป็นทางล่าชันใส่เกียร์ต่ำไม่เข้าพลิกคว่ำ
วันที่ 12 เม.ย.67 เมื่อเวลา 11.30 น.โรงพยาบาลบ้านกรวด อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ รับแจ้งจากจุดผ่อนปรนชายแดนช่องสายตะกู ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด ว่ามีอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำอยู่ฝั่งประเทศกัมพูชา ห่างจากชายแดนประมาณ 5 กม.มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตหลายราย
โรงพยาบาลจึงประสานขอเข้าไปให้การช่วยเหลือเพราะจุดที่เกิดเหตุห่างจากโรงพยาบาลประเทศกัมพูชาถึง 70 กม. จากนั้นโรงพยาบาลบ้านกรวด ได้ประสานหน่วยกู้ภัยสว่างจรรยาธรรมให้ร่วมออกเหตุ
ข่าวน่าสนใจ:
- เปิดสะพานข้ามแยกสระขวัญชั่วคราวช่วงเทศกาลปีใหม่ จ.สระแก้ว ส่วนเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าอ่างฤาไนเปิดใช้เส้นทางช่วงกลางคืน
- ตำรวจบุรีรัมย์ ยกระดับมาตรการเข้มช่วงปีใหม่ 68 เน้นความปลอดภัยและการจราจรคล่องตัว
- ตำรวจจับ 6 ราย ปิดล้อมตรวจค้นและระดมกวาดล้างเป้าหมายยาเสพติดในห้วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่
- บุรีรัมย์ เก๋งกลับรถ รถบัสหมอลำเสียงอีสานชนสนั่น แดนเซอร์เจ็บเล็กน้อย
ที่เกิดเหตุเป็นทางลาดชัน ลึกประมาณ 10 เมตร พบรถไถแบบนั่งขับ ตกอยู่ด้านล่าง พบผู้ได้รับบาดเจ็บร้องครวญครางขอความช่วยเหลือ ตรวจสอบเบื้องต้นมีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 5 ราย
รถโรงพยาบาลและหน่วยกู้ภัยฯได้เร่งนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลบ้านกรวด โรงพยาบาลประโคนชัย มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 6 รายส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์
นายพร้อม เรืองชาญ อายุ 59 ปี ผู้ใหญ่บ้านหนองแวง ต.โนนเจริญ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งรู้ภาษาเขมร เข้าไปสอบถามนายแจ๊ะ อายุ 45 ปี คนขับรถ เล่าว่า พวกตนพาพี่น้องในเครือญาติรวม 16 คน นั่งกระบะพ่วงรถไถ ขับมาชายแดนไทย เพื่อมาซื้อของจะเอาไปฉลองเทศกาลสงกรานต์
ขากลับช่วงกำลังจะลงเนิน ตนเองพยายามใส่เกียร์ต่ำ แต่ใส่เกียร์ไม่เข้า จากนั้นรถได้ไหลลงเนิน พุ่งลงข้างทางผู้โดยสารทั้งหมดกระเด็นกระจัดกระจาย ตอนนี้ตนเสียญาติไปหลายคนโดยเฉพาะภรรยาและลูกที่อาการยังสาหัสอยู่
ทั้งนี้จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ฝั่งไทย ทราบว่าตอนนี้ได้ทำการช่วยเหลือรักษาไปก่อนเพราะเป็นเหตุฉุกเฉิน ยังไม่ได้คิดค่าใช้จ่าย ซึ่งจะต้องมีการพูดคุยเจรจากันในภายหลัง
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: