เจ้าหน้าที่โครงการรักศรัทธาแก้ไขปัญหายาเสพติดถึงกับผงะ หลังปิดหมู่บ้านตรวจฉี่ พบเด็ก ม.1 คนชรา คนพิการมีฉี่สีม่วงจากแอมเฟตามีน เจ้าตัวยืนยันไม่เคยเสพยาบ้า ยอมรับแค่เสพกัญชาและดื่มน้ำกระท่อม ขณะ สส.ในพื้นที่ชี้จริงแล้วไม่เกี่ยวงานนี้แต่จำเป็นต้องยุ่งเพราะเราเป็นตัวแทน ปชช.
วันที่26 พ.ย.67 นายโสภณ ซารัมย์ สส.พรรคภูมิใจไทย และประธานที่ปรึกษามูลนิธิอาณัตพล ซารัมย์(ลูกเติ้ง)ซึ่งเป็นแม่งานโครงการ”รวมพลังรักศรัทธา แก้ไขปัญหายาเสพติดแบบบูรณาการ”ร่วมกับตำรวจ,สาธารณสุข,ฝ่ายปกครอง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ตามแผนยุทธศาสตร์ 3 ขั้น เริ่มจากการปิดหมู่บ้านตอนเช้ามืด เคาะประตูตรวจปัสสาวะทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 13-60 ปี หากพบมีใครฉี่เป็นสีม่วงจะเอามาเข้าสู่ศูนย์บำบัดประจำอำเภอ เป็นระยะเวลา 7 วัน หากบำบัดครบ จะให้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพชุมชน(รพ.สต.)ติดตามตรวจปัสสาวะทุก 7 วัน หากตรวจพบว่ายังไม่เลิกจะเข้าสู่ขั้นที่ 2
คือการนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษาและบำบัดอีกครั้ง แต่หากออกมาแล้วเสพอีกจะเข้าสู่กระบวนที่ 3 คือนำตัวไปบำบัดศูนย์ใหญ่ที่อำเภอพุทไธสง ครั้งนี้จะต้องอยู่บำบัดเป็นเวลา 4 เดือน
ข่าวน่าสนใจ:
- บุรีรัมย์ สภ.ถาวร เริ่มตั้งด่าน “ จับเพราะรัก อยากให้กลับบ้านอย่างปลอดภัย” รณรงค์ความปลอดภัยช่วงปีใหม่
- บุรีรัมย์ สถานีพัฒนาที่ดินบุรีรัมย์ จัดงานวันดินโลก 2567 น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ในหลวงรัชการที่ 9
- ตำรวจบุรีรัมย์ ยกระดับมาตรการเข้มช่วงปีใหม่ 68 เน้นความปลอดภัยและการจราจรคล่องตัว
- บุรีรัมย์ จัดกิจกรรมวันป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ พร้อมเปิดศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและรณรงค์ลดอุบัติเหตุช่วงปีใหม่ 2568
นายโสภณ ซารัมย์ สส.พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่าโครงการดังกล่าวได้ดำเนินการมาได้ประมาณปีเศษ ปีนี้จะมีความเข้มข้นขึ้นเพราะยาเสพติดแพร่ระบาดอย่างหนักทุกหมู่บ้าน การปิดหมู่บ้านตรวจปัสสาวะ เราจะสุ่มเลือกหมู่บ้านโดยไม่มีใครรู้มาก่อน การดำเนินการที่ผ่านมาถือว่ากำลังไปได้ดี เพราะชาวบ้านต่างออกมาตอบรับกับโครงการไม่มีใครมาต่อต้าน และหากผู้เสพเลิกได้ทางมูลนิธิฯจะร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้อให้ฝึกงานแล้วหางานให้
นายโสภณ กล่าวด้วยว่าสิ่งที่น่าตกใจคือผลการตรวจปัสสาวะที่พบแอมเฟตามีน ในพระเพิ่งสึกมาได้ 8 วัน เด็กชาย 13 ปี และคนพิการซึ่งทั้งสามยืนกรานว่าไม่เคยเสพยาบ้า แต่ยอมรับเพียงว่าดื่มน้ำกระท่อมที่ซื้อมาและเสพกัญชาเท่านั้น แต่กลับมีผลออกมาจึงให้มีการตรวจละเอียดซ้ำอีกครั้ง
และหากพบผลออกมายืนยันว่าเป็นแอมเฟตามีน หรือยาบ้าจริงมีความเป็นไปได้หรือไม่ว่ามีการเอายาบ้าไปผสมกับน้ำกระท่อมหรือกัญชาด้วย แล้วนำมาจำหน่าย อันนี้น่าเป็นห่วงเพราะมันเกินกว่า 4 คูณ100 ที่เราพบกัน
นายโสภณ กล่าวอีกว่าจริงแล้วไม่ใช่หน้าที่ของ สส.ที่จะต้องมาดำเนินโครงการแบบนี้ แต่ตนในฐานะที่เป็นผู้แทนเห็นความเดือดร้อนของประชาชน โดยเฉพาะพ่อแม่ผู้ปกครอง ต่างได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักเพราะยาเสพติดที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นหากไม่มีการร่วมมือกันจะแก้ไขได้ยาก
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: