X

บุรีรัมย์ ลุยตรวจยาเสพติดเข้ม เผยลามถึงเด็กประถม สะท้อนปัญหาครอบครัว (มีคลิป)

บุรีรัมย์เดินหน้าตรวจสารเสพติดในโรงเรียน เผยปัญหาลามถึงเด็กประถมอายุต่ำสุดเพียง 12 ปี ชี้สาเหตุหลักมาจากความขาดแคลนความอบอุ่นในครอบครัว เรียกร้องรัฐหนุนงบประมาณร่วม อปท. เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน พร้อมตั้งรางวัลจูงใจพื้นที่ปลอดยาเสพติด

วันที่ 9 ธ.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โรงเรียนปรางกู่สวนแตงพิทยาคม อ.บ้านใหม่ไชยพจน์ จ.บุรีรัมย์ คณะทำงานโครงการ“รวมพลังรักศรัทธาแก้ปัญหายาเสพติดแบบบูรณาการ ”ประกอบด้วยมูลนิธิอาณัตพล ซารัมย์(ลูกเติ้ง),ฝ่ายปกครอง,ตำรวจ,ผู้นำท้องถิ่น และกำนันผู้ใหญ่บ้าน

ได้เข้าทำการตรวจปัสสาวะของเด็กนักเรียนกว่า 800 คน เพื่อค้นหากลุ่มผู้เสพยาเสพติดโดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า โดยระหว่างการตรวจปัสสาวะอยู่นั้น นายโสภณ ซารัมย์ สส.พรรคภูมิใจไทย และประธานที่ปรึกษามูลนิธิฯได้ขอตรวจเจ้าหน้าที่ทุกคนที่มาปฏิบัติหน้าที่ด้วย เพื่อให้นักเรียนหายข้อสงสัยว่าผู้ใหญ่หรือเจ้าหน้าที่เสพหรือไม่ ซึ่งผลปรากฏว่าไม่พบฉี่เป็นสีม่วงแม้แต่คนเดียว

นายโสภณ ซารัมย์ กล่าวว่าถือว่าเป็นโรงเรียนแรกที่ตรวจไม่พบฉี่สีม่วง แต่โรงเรียนหลายโรงเรียนที่ผ่านมา พบผลของการตรวจน่าตกใจ เป้าหมายครั้งแรกคือโรงเรียนระดับมัธยม แต่ปรากฏว่าพบนักเรียนโรงเรียนระดับประถมฉี่เป็นสีม่วง อายุต่ำสุด 12 ปี ส่วนระดับหมู่บ้านยังพบชาวบ้านสูงอายุเสพยาอีกด้วย

ถือเป็นเรื่องอันตรายมากสำหรับเยาวชน ซึ่งจากการสอบถามข้อมูล เด็กตอบว่า”เหงา”ขาดความอบอุ่นไม่ได้อยู่กับพ่อแม่เรื่องนี้ถือว่าสำคัญ ดังนั้นรัฐบาลเองควรจะเข้ามาร่วมแก้ไขจุดนี้หรือไม่

นายก อบต.-เทศบาล ควรจะเข้ามาเป็นพ่อแม่คนที่สองของเยาวชนในพื้นที่ของตัวเองรัฐต้องเริ่มใส่แล้ว ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นแบบนี้ ดังนั้นรูปแบบของการบูรณาการปัญหายาเสพติดอย่างที่ทำโครงการมาคือ

ข้าราชการ,การเมืองตั้งแต่ท้องถิ่นไปถึงระดับชาติ และเอกชนอย่างเช่นมูลนิธิอาณัตพลฯที่เขาพยายามขับเคลื่อนอย่างเต็มที่ ตอนนี้มูลนิธิฯได้แบ่งเส้นเอาไว้คือสีเขียวคือไม่เสพ ,สีเหลืองเสพครั้งคราว,สีส้มถือว่าติดแล้วและถ้าเข้าข่ายสีแดงคือกลุ่มจิตรเวช ตอนนี้ตั้งเป้าไว้ไม่ให้ข้ามไปสีส้มให้ได้

นายโสภณ กล่าวด้วยว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในการแก้ไขปัญหายาเสพติดคือการมีส่วนร่วม โครงการที่เริ่มมากว่า 1 ปีถือว่าก้าวหน้าเกินคาดที่ตั้งไว้ เฉลี่ย ได้ผลมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์

ผู้เสพแล้วเข้าไปอยู่ในศูนย์ฟื้นฟูของแต่ละท้องถิ่น เราได้มีการฝึกอาชีพแล้วให้ท้องถิ่นตามต่อหลังจากนั้น

สิ่งที่น่าห่วงในตอนนี้คือกำลังทรัพย์ กำลังคนที่ผ่านมาทุกคนทำงานเสียสละทำงานนอกเวลากันทั้งสิ้น เพราะเจ้าหน้าที่จะต้องผลัดเปลี่ยนกันมานอนเฝ้าไม่มีวันหยุดกลายเป็นเรื่องจิตอาสา แต่งานมันต้องเดินด้วยงบประมาณ

ถ้าเรารอเพียงงบประมาณจากภาคเอกชน รัฐบาลไม่มีการสนับสนุนมันก็ทำงานยาก ตอนนี้กำลังเร่งเอ็กซ์เรย์ให้ได้มากและเร็วที่สุดหลังจากนั้นจะมีการประเมิน ตำบลไหนทำพื้นที่ปลอดหรือมีผู้เสพน้อยที่สุดทราบข่าวว่ามูลนิธิฯจะตั้งรางวัลให้ตำบลละ 200,000 บาท

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน