ตำรวจนำมือปืนวัย 53 ปีไปทำแผนหลังใช้ปืนลูกซองยิงเพื่อนบ้านวัย 59 เสียชีวิต เผยทั้งสองมีปากเสียงกันเป็นประจำ ฝั่งผู้ตายไม่เคยตอบโต้ แต่พอมีลูกหลานมาปีใหม่จึงเถียงคิดว่ามีพวก สุดท้ายโดนจ่อยิงดับ มือปืนสารภาพไม่ได้เมา ระบุ ตร.เคยยึดไปแล้วญาติขอกลับมาคืน มาคราวนี้ยิงคนตาย
วันที่ 3 ม.ค.67 พ.ต.ท.จักรกริช รังพงษ์ สารวัตรใหญ่ สภ.ถาวร อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ พร้อม พ.ต.ท.สุรศักดิ์ สายสิงห์ สารวัตร(สอบสวน)และชุดสืบสวน สภ.ถาวร นำตัวนายพัทธดนย์ หรือนุ อายุ 53 ปี ชตาว.ถาวร อ.เฉลิมพระเกียรติ จว.บุรีรัมย์ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
หลังใช้อาวุธปืนลูกซองยิงนายวิลา หรือแอ อายุ 59 ปี คนบ้านเดียวกัน ใน ต.ถาวร อ.เฉลิมพระเกียรติ จว.บุรีรัมย์ จนเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 19.00 น.วันที่ 2 ม.ค.ที่ผ่านมา
เหตุการณ์ดังกล่าวชาวบ้านที่ทราบข่าวส่วนใหญ่ไม่ค่อยตกใจมากนักเพราะทั้งสองคนเขม่นกันและมักจะมีปากเสียงกันมานาน จนชินหูชาวบ้านโดยเฉพาะนายนุผู้ก่อเหตุเป็นคนอารมณ์ร้อนเสียงดังพูดข่มนายวิลา ผู้ตายได้มาโดยตลอด เนื่องจากนายนุ มีปืนและมักจะยิงขึ้นฟ้าเป็นประจำ
เช่นเดียวกับนางนิด(นามสมมุติ)และนายบี(นามสมมุติ)ลูกสาวและลูกชายผู้ตายเล่าเหมือนกันว่า ปกติพ่อจะโดนข่มมาโดยตลอด วันเกิดเหตุมีลูกหลานเดินทางมาจากกรุงเทพฯจึงฉลองปีใหม่ซื้อเนื้อย่างมากินกัน ส่วนพ่อไปนั่งดื่มต่อกับเพื่อนและญาติอยู่หลังบ้าน
จากนั้นนายนุ ผู้ก่อเหตุได้ตะโกนมาด่าพ่อก่อน ซึ่งทุกครั้งพ่อไม่เคยตอบโต้มากนัก แต่ครั้งนี้คาดว่าพ่อมีพวกมากกว่า จึงโต้เถียงไป แต่ไม่คิดว่านายนุ จะรุนแรงถึงขั้นเอาปืนมายิงพ่อจนเสียชีวิต หลังทำแผนนายพัทธดนย์ หรือนุ เนาวะบุตร มือปืนสารภาพอีกว่าสาเหตุที่ยิงเพราะแค้นใจมานานยืนยันไม่ได้เมา แต่ตั้งใจยิงเพื่อให้สะใจ
พ.ต.ท.จักรกริช รังพงษ์ สารวัตรใหญ่ สภ.ถาวร กล่าวว่าจากการสอบประวัติปืนกระบอกนี้เจ้าของเสียชีวิตไปแล้ว เจ้าหน้าที่เคยตรวจยึดมาก่อนเมื่อปี 2565 ต่อมาได้มีลูกสาวเจ้าของปืนมายื่นเรื่องขอรับคืน แต่นายนุ ซึ่งมีฐานะเป็นหลานของเจ้าของปืน กลับเอาเก็บเอาไปใช้ ครั้งนี้ปืนกระบอกเดียวกันกลับมาที่สถานีตำรวจในฐานะเป็นปืนก่อเหตุยิงคนตาย
หลังสอบสวนตำรวจตั้งข้อหานายข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา มีอาวุธและเครื่องกระสุนปืนไว้ครอบครอง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
