เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ประกาศจะได้ที่นั่ง สส. ภาคอีสานมากที่สุดในรอบ 10 ปีของการเลือกตั้ง
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดศูนย์ประสานงานพรรคพลังประชารัฐ จ.ร้อยเอ็ด โดยมี นางจิราพร สินธุไพร นายเวียง วรเชษฐ์ ผู้สมัคร สส .แบบบัญชีรายชื่อ และผู้สมัคร ส.ส. แบบเขต ทั้ง 7 เขตใน จ.ร้อยเอ็ด และประชาชนมารอต้อนรับ และฟังการปราศรัยจำนวนมาก
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า วันนี้ตนมาร้อยเอ็ดเพราะมั่นใจว่า กระแสพรรคเราใน จ.ร้อยเอ็ดกำลังดีขึ้นมาก จนเป็นที่หวั่นเกรงของผู้สมัคร จากพรรคอื่น และมั่นใจว่าพรรคเราจะสามารถยึดพื้นที่ได้มากพอสมควร และอาจเป็นครั้งแรกในรอบ 10 กว่าปี ที่จะกวาดที่นั่งสส.ภาคอีสานได้มากที่สุดเท่าที่มีการเลือกตั้งมา
โค้งสุดท้ายเราต้องจับตาดูทุกเรื่อง สิ่งที่ต้องติดตามคือ ดูความเคลื่อนไหวทุกเรื่องเช่นกัน ซึ่งเรามีจุดยืน และมีการนำเสนอนโยบายอย่างเข้มข้นในโค้งสุดท้ายของการหาเสียงเช่นกัน
การที่พรรคพลังประชารัฐ ถูกโจมตีว่าเป็นพรรคเผด็จการนั้น การพูดเช่นนี้ถือเป็นการสร้างวาทกรรมทางการเมือง เป็นการพยายามแยกส่วน เพื่อให้ตนเองได้เปรียบทางการเมือง ไม่มีเผด็จการใด ที่เกิดขึ้นจากการลงคะแนนของพี่น้องประชาชน เพราะถ้าหากขาดเสียง และการสนับสนุนจากพี่น้องประชาชน จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้
ฉนั้นผู้ตัดสินใจ จึงเป็นพี่น้องประชาชน ถ้าประชาชนรู้เท่าทัน ก็จะตัดสินใจได้ว่าเผด็จการที่แท้จริงไม่มี เราเป็นพรรคการเมืองที่ เข้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง และน้อมรับการตัดสินใจของประชาชน จึงอยากให้พี่น้องประชาชนเข้าใจทั่วกันว่า เผด็จการเป็นเพียงวาทกรรมทางการเมืองเท่านั้น
วันนี้บ้านเมืองกำลังจะมีการเลือกตั้ง แต่ปรากฏว่า บ้านเมืองเริ่มทำท่าไม่รู้ว่าจะไปทางไหนดี เพราะปัจจุบัน การเมืองแบ่งออกเป็นสามก๊ก ก๊กแรกจะเป็น ก๊กเพื่อไทย ก๊กที่ 2 คือก๊กประชาธิปัตย์ และก๊กที่สาม คือพลังประชารัฐ ล่าสุดอยู่ดีๆ ก๊กที่ 2 ก็ออกมาประกาศว่า ถ้าหากเขาได้เป็นแกนนำ จัดตั้งรัฐบาล เขาจะไม่เอา พลเอกประยุทธ์ แต่อาจจะเอาพลังประชารัฐ มาเป็นมาร่วมรัฐบาล ผมก็งงๆ
วันนี้บอกชัดๆเลยว่า ก๊กแรก ยังไงก็ไม่ได้เป็นรัฐบาล เพราะเสียงไม่เพียงพอ ส่วนก๊กที่ 2 ความจริงแล้วเขาก็เป็นพรรคที่มีแนวโน้มที่จะมาจับมือกับพลังประชารัฐไปเป็นรัฐบาล การเลือกตั้งที่ผ่านๆมา จะเห็นว่าก๊กแรก และก๊กที่ 2 ต่างผลัดกันแพ้ ผลัดกันชนะ มาตลอด สุดท้ายก็เกิดปัญหาในบ้านเมือง เกิดการแบ่งสี เกิดความวุ่นวาย จนกระทั่ง พลเอกประยุทธ์ ต้องเข้ามาควบคุมสถานการณ์ บ้านเมืองจึงสงบ และปัญหาต่างๆ เริ่มหมดไป
ดังนั้นหากพี่น้องประชาชนอยากเห็นประเทศสงบ และเดินหน้าต่อไปได้ ต้องสนับสนุน และเลือกผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐ ในทุกเขต เพื่อเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ ได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี และ สานต่อนโยบายต่างๆของพรรคต่อไป
จากนั้นเลขาธิการพรรคได้ไปขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงช่วย นางสาวตวงรัตน์ วงศ์เวไนย ผู้สมัคร สส.ร้อยเอ็ด เขต 4 ที่ อ.เสลภูมิ และนายสานิต ว่องสัธนพงษ์ ผู้สมัคร สส. ร้อยเอ็ดเขต 1 ที่สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ร้อยเอ็ดตามลำดับ
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: