หนองบัวลำภู – พาพวกรื้อบ้านลูกหนี้ โดนสามข้อหา เจ้าตัวบอกหวังดีแท้ ๆ คนงานโดนข้อหาร่วมด้วย ขณะที่ผู้การตำรวจสั่งผู้กำกับสอบสวนเข้าร่วมคลี่คดี
รื้อบ้านลูกหนี้
บ่ายวันที่ 24 เม.ย. 63 ที่บ้านดงบาก หมู่ 10 ต.นิคมพัฒนา อ.โนนสัง จ.หนองบัวลำภู ดูคึกคักวุ่นวายเป็นพิเศษ โดยเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน รวมทั้งสื่อมวลชนลงพื้นที่ทำข่าว กรณีที่มีเจ้าของบ้านรายหนึ่งร้องทุกข์ผ่านสื่อว่าบ้านที่ตนอยู่อาศัยถูกรื้อไปทั้งหลังจนเหลือแต่เสาบ้าน เหตุเพราะเงินกู้ห้าหมื่นบาท เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นวันที่ 15 เม.ย.63 ภายหลังจาก นางสำรวย เสนามนตรี อายุ 41 ปี เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.นิคม หาญคำแพง พนักงานสอบสวน สภ.โนนสัง ว่าบ้านที่อยู่อาศัยถูกคนบุกรุกเข้ามารื้อแล้วขนเอาไม้และสังกะสีออกไป เหตุเกิดเมื่อ 11 เม.ย.63 โดยคนที่ก่อเหตุพาพวกมารื้อบ้านคือ นางอำคา ไชยดี อายุ 62 ปี คนหมู่บ้านเดียวกัน มีคนงาน 7 คนช่วยกันรื้อ ซึ่งข้อหาที่แจ้งคือ ร่วมกันบุกรุก ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ และร่วมกันลักทรัพย์ โดยนางสำรวยให้เหตุผลว่าตนเองไปกู้เงินจาก นายชัยบัณฑ์จง สุบินเกษมสิริ อดีตกำนันตำบลนิคมพัฒนา เป็นเงิน 50,000 บาท และชดใช้มาแล้ว 3 ครั้ง จำนวน 2,500 บาท 3,500 บาท และ 40,000 บาท ตั้งแต่ปี 2557
นางสำรวย ให้เหตุผลอีกว่า กำหนดใช้เงินให้หมดภายใน 10 เม.ย.63 วันรุ่งขึ้น นางอำคา ก็พาพวกมารื้อบ้านของตนออกไปดังกล่าว ทั้ง ๆที่ตนก็บอกว่าจะหามาใช้ให้หมดในสิ้นเดือน เพราะพิษโควิด-19 ยังไม่มีเงิน ที่เหลือค้างรวมดอกเบี้ยอีกประมาณ 10,000 บาท เมื่อรวบรวมข้อมูลเบื้องต้น ประกอบกับหลักฐานบ้านที่เหลือแต่เสา ร.ต.อ.นิคม ได้สอบปากคำนางสำรวย และรับเป็นคดี พร้อมรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ซึ่งเรื่องดังกล่าวถือว่าเป็นเหตุอุกฉกรรจ์ ที่ พล.ต.ต.สมประสงค์ พิมพิลา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดหนองบัวลำภู ให้ความสนใจ และให้รายงานให้ทราบ
ถัดจากแจ้งความสองวัน วันที่ 17 เม.ย.63 นางอำคา ไชยดี ก็ได้เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนและประกันตัวออกมาสู้คดี ซึ่งนางอำคา ได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า ตนเองมีงานทำประจำในช่วงตัดอ้อยคือหาคนงานไปตัดอ้อย นางสำรวย ก็เป็นลูกจ้างตัดอ้อยที่ทำงานด้วยกันมานาน เมื่อปี 2559 นางสำรวยมาบอกว่าได้เอาที่ดินไปค้ำเงินกู้กับ นายชัยบัณฑ์จง สุบินเกษมสิริ อดีตกำนัน อยากให้ไปช่วยกลบหนี้เพื่อจะได้มาใช้หนี้กับตนแทน ตนจึงได้ไปติดต่อกับอดีตกำนันที่อยู่ต่างหมู่บ้าน เพื่อขอซื้อที่ดินและบ้านของนางสำรวย ซึ่งเป็นที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ์ ตกลงกันได้ในราคา 150,000 บาท โดยอดีตกำนันบอกว่านางสำรวยยืมเงินไป 100,000 บาท ขอกำไร 50,000 บาท ตนจึงตกลงซื้อและจ่ายเงินให้จนครบ หลังจากนั้นตนก็ถือสัญญาซื้อขายระหว่างตนกับอดีตกำนัน ส่วนบ้านนางสำรวยก็อยู่ต่อมาเรื่อย ๆ กระทั่งใกล้จะถึงวันที่ 10 เม.ย. 63 นางสำรวยก็ไม่ใช้หนี้ตนสักที ตนจึงบอกว่าจะรื้อบ้านและวันที่ 11 เม.ย.63 จึงพาคนเข้ารื้อบ้าน เพราะถือว่าบ้านหลังนี้เป็นของตนแล้ว ซึ่งพอรู้ว่าถูกแจ้งความดำเนินคดีตนจึงไปมอบตัวและติดต่อทนายความเพื่อต่อสู้คดีในชั้นศาลต่อไป
ขณะที่คนที่เกี่ยวข้องอีกคนคือ นายชัยบัณฑ์จง สุบินเกษมสิริ อดีตกำนันตำบลนิคมพัฒนา ก็เอ่ยปากว่าเพิ่งรู้ว่าเป็นปัญหาเมื่อมีการแจ้งความกัน ซึ่งสิ่งที่ตนได้เจอก็คือ เมื่อปี 2557 นางสำรวย ได้มาขอยืมเงินซึ่งไม่ใช่ 50,000 บาท แต่เป็น 100,000 บาท คือยืมห้าหมื่นสองครั้ง โดยเอาบ้านและที่ดินค้ำประกันเงินกู้ และนางสำรวยก็อยู่ที่บ้านหลังนั้นมาตลอด ปี 2559 ตนพบนางสำรวยจึงเอ่ยปากทวงถามเงินที่ยืมไป นางสำรวยจึงบอกว่าจะพานางอำคา มาซื้อและจะไปไถ่คืนจากนางอำคาเอง เมื่อตนตกลงกับนางอำคาได้ในราคา 150,000 บาท ก็ทำสัญญาซื้อขายจ่ายเงินครบตนก็จบไม่ได้ตามทวงอีก กระทั่งมาพบว่าเกิดเรื่องขึ้นดังกล่าว
ข่าว-ภาพ // รุจ ลาเรือง
ติดตามข่าวสารจังหวัดหนองบัวลำภู ที่นี่
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: