X
รถอีแต๊กทับตาย

รถอีแต๊กทับตาย หนุ่มใหญ่วังสะพุง ขับไปเติมลม วิ่งเสียหลักลงข้างทาง

หนองบัวลำภู – รถอีแต๊กทับตาย หนุ่มใหญ่วังสะพุง ขับไปเติมลม วิ่งเสียหลักลงข้างทางป่าอ้อยศรีบุญเรือง กระแทกคันดินตกรถ ล้อหลังทับซ้ำตายคาที่

รถอีแต๊กทับตาย

รถอีแต๊กทับตาย

เวลา 16:30 น.7 ธันวาคม 2561 พ.ต.ต.พรชัย ประพิณ สว.(สอบสวน) สภ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถทับเสียชีวิต ที่ถนนเกษตรท้ายบ้านโนนสงวน ต.โนนม่วง จึงพร้อมด้วยแพทย์เวร รพ.ศรีบุญเรือง และหน่วยกู้ภัยมังกรศรีบุญเรือง ร่วมออกตรวจสอบ ที่เกิดเหตุเป็นเส้นทางขนส่งผลิตผลทางการเกษตร ทางลัดไปบ้านฝายหิน ต.โนนม่วง พบรถไถนาเดินตามต่อพ่วงสำหรับบรรทุกสิ่งของ ที่ชาวบ้านเรียกกันรถอีแต๊ก อยู่คันดินข้างทาง ใต้ล้อพ่วงด้านซ้าย พบศพ นายสุภี สุขโม้ อายุ 54 ปี ที่อยู่บ้านเลขที่ 62 หมู่ที่ 8 ต.โคกขมิ้น อ.วังสะพุง จ.เลย สภาพนอนคว่ำหน้าโดยมีล้อรถอีแต๊กทับบริเวณหลังและคอ เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 1-2 ชั่วโมงรถอีแต๊กทับตาย

สอบถามชาวบ้านทราบว่า ถนนดังกล่าวเป็นเส้นทางไปไร่อ้อย เป็นทางเปลี่ยว มาถึงก็พบรถทับผู้ตายเสียชีวิตแล้ว จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ สอบถามภรรยาผู้ตาย ได้ความว่า ผู้ตายเป็นโรคนิ้วมือเกร็ง พากันมาจากบ้าน อ.วังสะพุง มาตัดอ้อยที่ปลูกไว้ไปขาย ช่วงบ่ายแก่ ๆ ผู้ตายได้เอารถอีแต๊กไปเติมลมในหมู่บ้าน ส่วนตนก็ตัดอ้อยรอ นอกจากนี้ผู้ตายเคยเกิดเหตุลักษณะนี้มาก่อนแล้วครั้งหนึ่ง แต่โชคดีไม่เป็นอะไรมาก จึงไม่ติดใจสาเหตุการตาย และขอความช่วยเหลือจากกู้ภัยนำศพส่งกลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านต่อไป เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่า ผู้ตายอาจจะบังคับรถไม่อยู่วิ่งออกข้างทางชนคันดิน ทำให้ตัวเองตกลงมาแล้วถูกรถทับดังกล่าว

รถอีแต๊กทับตาย

สมัครสมาชิก Line รับข่าวสารจังหวัดหนองบัวลำภูได้ที่นี่

เพิ่มเพื่อน

 

สมัครติดตามอ่านข่าวจังหวัดหนองบัวลำภู ที่นี่

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

Picture of วิโรจน์ คงพุฒิคุณ

วิโรจน์ คงพุฒิคุณ

คนหนองบัวลำภู โดยกำเนิด เข้าสู่แวดวงนักข่าวเมื่อปี 2529 เป็นนักข่าวคนเดียวของอำเภอ กระทั่งปี 1 มกราคม 2536 สถาปนาจังหวัด ก็เลยได้เป็นนักข่าวคนแรกของจังหวัดหนองบัวลำภู โดยปริยายจวบจนทุกวันนี้ ชอบถ่ายภาพ ชอบค้นหา คติประจำใจ "ทำยังไงให้คนรู้ว่านี่คือจังหวัดหนองบัวลำภู" จึงได้ตั้งเฟสบุ๊คกลุ่ม "ที่นี่..เมืองลุ่มภู" ขึ้นมาเพื่อทำให้คนได้รู้จัก