X

ว่ายไม่ข้ามฝั่ง หนุ่มใหญ่จมน้ำตาย งานหาปลาการกุศล กลายเป็นงานเศร้าของหมู่บ้าน

หนองบัวลำภู-ว่ายไม่ข้ามฝั่ง หนุ่มใหญ่จมน้ำตายงานหาปลาการกุศล หมู่บ้านกุดจิกเปิดให้ชาวบ้านลงหาปลาในหนองน้ำหมู่บ้าน จนชาวบ้านเขาเลิกจะหมดแล้ว ยังเหลือหนุ่มใหญ่ว่ายน้ำข้ามฝั่งแต่ไปถึงกลางทางจมน้ำเสียชีวิต คาดเมาและหมดแรง

เวลา 15.00 น. วันที่ 1 พ.ค.61 ร.อ.จิรศักดิ์ สำราญพัฒน์ พร้อมกำลังทหาร กกล.รส.หนองบัวลำภู เดินทางเข้าตรวจสอบเหตุหลังรับแจ้งว่า มีคนจมน้ำในหนองน้ำห้วยกระทอ ท้ายหมู่บ้านกุดจิก ต.กุดจิก อ.เมืองหนองบัวลำภู ที่เกิดเหตุเป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ พื้นที่กว่า 40 ไร่ ลึกประมาณ 2 เมตร ที่ริมหนองน้ำชาวบ้านนำศพ นายบุญโฮม ประจำถิ่น อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10 หมู่ 1 ต.กุดจิก ขึ้นมาจากน้ำแล้ว ทหารจึงได้ประสาน แพทย์เวร รพ.หนองบัวลำภู กู้ภัยนเรศวร พนักงานสอบสวน สภ.เมืองหนองบัวลำภู เข้ามาตรวจสอบ เบื้องต้น นายชำนิ นันทะแสง อายุ 55 ปี อยู่ที่ 11 หมู่ 1 ต.กุดจิก เล่าเหตุการณ์ว่ามีคนเห็นผู้ตายว่ายน้ำจากฝั่งตรงข้ามจะไปที่เต็นท์อำนวยการ เมื่อไปถึงกลางหนองน้ำเห็นแต่เกาะลำไม้ไผ่ที่ปักอยู่กลางหนองน้ำก่อนจะจมน้ำลงไป จึงพากันลงไปช่วยควานหาใช้เวลานานกว่าครึ่งชั่วโมง ถึงงมร่างขึ้นมาได้พบว่าเสียชีวิตแล้วทั้งนี้ที่หนองน้ำดังกล่าวได้มีการจับปลาการกุศลหาเงินมาพัฒนาหมู่บ้าน โดยมีชาวบ้านกว่า 300 คน มาลงจับปลาเก็บเงินคนละ 100 บาท ผู้ตายซึ่งว่ายน้ำหาปลาเก่ง ก็ได้ร่วมกิจกรรมโดยลงไปจับปลาในหนองน้ำสลับกับขึ้นฝั่งเอาปลามาเผากินกับเพื่อนที่ตั้งวงเหล้าที่ริมฝั่ง จนกระทั่งบ่ายชาวบ้านส่วนใหญ่ก็เลิกหาปลาเหลือคนอยู่ไม่กี่คน ผู้ตายก็ได้ลงไปว่ายน้ำจะข้ามฝั่งไปทางเต็นท์อำนวยการและจมน้ำเสียชีวิตดังกล่าว ซึ่งหากอยู่ในช่วงที่คนจำนวนมากคงช่วยเหลือได้ทัน อย่างไรก็ตามทางญาติไม่ติดใจสาเหตุการตายขอรับศพไปดำเนินการตามประเพณีต่อไป

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

Picture of วิโรจน์ คงพุฒิคุณ

วิโรจน์ คงพุฒิคุณ

คนหนองบัวลำภู โดยกำเนิด เข้าสู่แวดวงนักข่าวเมื่อปี 2529 เป็นนักข่าวคนเดียวของอำเภอ กระทั่งปี 1 มกราคม 2536 สถาปนาจังหวัด ก็เลยได้เป็นนักข่าวคนแรกของจังหวัดหนองบัวลำภู โดยปริยายจวบจนทุกวันนี้ ชอบถ่ายภาพ ชอบค้นหา คติประจำใจ "ทำยังไงให้คนรู้ว่านี่คือจังหวัดหนองบัวลำภู" จึงได้ตั้งเฟสบุ๊คกลุ่ม "ที่นี่..เมืองลุ่มภู" ขึ้นมาเพื่อทำให้คนได้รู้จัก