ตาก- รถบรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิง ที่มารับน้ำมันจากประเทศไทย เพื่อไปส่งต่อยังจังหวัดย่างกุ้ง ประเทศเมียนม่า เสียหลักตกเหวบริเวณจังหวัดเมียวดี ตรงข้ามกับอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ฝั่งประเทศไทย ขณะเกิดเหตุ ชาวบ้านอาศัยใกล้เคียงจุดเกิดเหตุต่างตกใจกับเสียงคล้ายระเบิด จากเหตุดังกล่าว หนีตายกันอลม่าน เพราะเข้าใจว่าเป็นเสียงจากการสู้รบ
ผู้สื่อข่าวรายงาน เมื่อเวลา 02.30 น. วันที่ 1 ตุลาคม 2561 มีรายงานจากเจ้าหน้าที่จังหวัดกอกาเลก ประเทศเมียนม่า ว่าเกิดอุบัติเหตุรถยนต์บรรทุก 6 ล้อ ที่บรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิง ของประเทศเมียนมา เสียหลักตกเหว และเกิดระเบิดตามมาจนไฟลุกไหม้ทั้งคัน เบื้องต้นทางการไทย ปิดกั้นเส้นทางที่เชื่อมต่อถึงจุดเกิดเหตุ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน และให้เจ้าหน้าที่ในจุดเกิดเหตุ ปฎิบัติหน้าที่ได้คล่องตัว
เบื้องต้นทางการไทย และทางการเมียนม่า ตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุที่แน่ชัด พบว่า รถบรรทุกน้ำมันคันดังกล่าว แล่นออกจากประเทศไทย หลังจากที่รับน้ำมันเชื้อเพลิงเสร็จแล้ว โดยมุ่งหน้าเส้นทางจังหวัดเมียวดี ตรงข้ามกับอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เพื่อใช้เส้นทางไปยังจังหวัดย่างกุ้ง ระหว่างขับไปตามเส้นทางสายเอเซีย จ.เมียวดี – จ.กอกาเลก ซึ่งห่างจาก จ.เมียวดีประมาณ 25 กิโลเมตร รถบรรทุกคันเกิดเหตุ เสียหลักพุ่งเข้าชนกับแบลิเออร์ จนเสียการควบคุมทำให้รถพุ่งตกลงเหว และเกิดไฟลุกไหม้ ก่อนจะมีเสียงระเบิดดังสนั่นติดต่อกันอีกหลายครั้ง
หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ทางการไทย และเมียนม่า ประสานความร่วมมือปิดกันพื้นที่ เชื่อมการสัญจรไปยังบริเวณที่เกิดเหตุ ทั้งขาไป และขามา พร้อมทั้งควบคุมไม่ให้ประชาชนเข้าไปใกล้ ก่อนจะประสานรถดับเพลิงไปที่เกิดเหตุ แต่ไม่สามารถดับไฟไว้ได้ทัน เพราะมีเชื้อเพลิงเป็นน้ำมัน ไฟจึงลุกไหม้รถบรรทุกทั้งคันอย่างรวดเร็ว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ทางการเมียนม่า สอบสวนผู้เห็นเหตุการณ์ทราบว่า รถยนต์บรรทุกน้ำมันคันเกิดเหตุ มีนายทูน ทูนเล ชาวจังหวัดมะละแหม่ง เป็นคนขับ หลังจากไปรับน้ำมัน และอยู่ระหว่างขับไปส่งต่อยังจังหวัดย่างกุ้ง เมื่อถึงจุดเกิดเหตุ รถเกิดเสียหลัก ไม่สามารถควบคุมรถได้ คาดว่าจะขับมาด้วยความเร็วจึงพุ่งชนกับแบริเออร์ข้างถนน อย่างแรง ขณะที่นายทูน ได้กระโดดลงจากรถยนต์ และหลบหนีไป ล่าสุดตำรวจได้ออกติดตามจับกุมแล้ว เนื่องจากขับรถยนต์ประมาท ทำให้ทรัพย์สินทางราชการได้รับความเสียหาย
ขณะที่ นายซอหน่าย ชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์บอกว่า ระหว่างเกิดเหตุ ชาวบ้านในละแวกนั้นหนีตายกันไปคนทิศคนละทาง เพราะส่วนใหญ่เข้าใจว่า มีการสู้รบกัน ระหว่างทหารพม่ากับทหารกะเหรี่ยง และยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า บริเวณดังกล่าว มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยครั้ง สาเหตุส่วนใหญ่เป็นเพราะขับรถมาด้วยความเร็ว และคนขับไม่ชำนาญเส้นทาง
