ชาวกะเหรี่ยงเมียนมา และชาวไทย แห่ขึ้นเขามอละอิ ชมทะเลหมอก ไหว้พระธาตุเจดีย์สูงเสียดฟ้า
เมื่อวันที่ 5 พ.ย. 2561 ผู้สื่อข่าวรายงานจากอำเภอพบพระ จ.ตาก ว่า ในช่วงที่มีอากาศหนาวเย็น มีราษฎรไทยในพื้นที่ อำเภอพบพระ อำเภออุ้มผาง และอำเภอแม่สอด และราษฎรกะเหรี่ยง สัญชาติเมียนมา ตามแนวชายแดนไทย – เมียนมา รวมทั้งชาวกะเหรี่ยงในรัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา ต่างเดินทางไปชมทะเลหมอกสวยงาม ที่ยอดเขามอละอิ มีพระธาตุเจย์ดีอยู่บนยอดเขาสูงกว่าระดับน้ำทะเล ถึง 2,076 เมตร โดยการเดินทางใช้เส้นทางจากอำเภอแม่สอด ไปยังอำเภอพบพระ สุดชายแดนไทย – เมียนมา ที่บ้านวาเล่ย์ ตำบลวาเล่ย์ อ.พบพระ
จากนั้นข้ามเขตไปฝั่งเมียนมา ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของทหารกะเหรี่ยงดีเคบีเอ. ใช้เส้นทางนี้ต่อไปยังเขามอละอิ อีกประมาณกว่า 2 ชั่วโมง ซึ่งชาวไทย – ชาวเมียนมา ที่ไปยอดเขาสูงเสียดฟ้านี้ นอกจากไปสักการะ ทำบุญ ไหว้พระธาตุเจดีย์แล้ว ยังได้ชมภูเขาสูงหลายลูกที่อยู่ต่างระดับกัน และมีทะเลหมอกสวยงามมาก นอกจากนี้ยังมองเห็นพื้นที่เขต จ.จ่าอินเสกจี่ รัฐกะเหรี่ยง ด้านตรงข้าม อ.อุ้มผาง จ.ตาก
สำหรับยอดเขามอละอิ อยู่ในเขต จังหวัดเมียวดี มีพระธาตุเจดีย์ 2 ยอด ด้านบนสุดได้กำหนดไว้เฉพาะผู้ชายห้ามสตรีขึ้น ส่วนพระธาตุเจดีย์รองลงมาเฉพาะสตรี เป็นที่รู้จักของชาวกะเหรี่ยง และเป็นที่ศรัทธา เนื่องจากมีประวัติความเป็นมาทางด้านความเชื่อ และศาสนา ซึ่งนักท่องเที่ยวทั้งชาวเมียนมา และชาวไทย ต่างไปกราบไหว้พระธาตุเจดีย์ และสถานที่เชื่อกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ นอกจากการไปชมความสวยงาม บนเขาสูง ที่อยู่ระนาบเดียวกัน และต่างระนาบต่างกัน เสมือนโลกอีกใบหนึ่ง
อย่างไรก็ดีนักท่องเที่ยว ที่จะไปเที่ยว ต้องศึกษาก่อนเข้าพื้นที่ เนื่องจากเป็นพื้นที่ ที่มีกองกำลังกะเหรี่ยงดีเคบีเอ.ควบคุมอยู่ และยอดเขามอละอิ มีกฏกติกา ที่เข้มงวดมากในเรื่องของการแต่งกายของสตรี จะต้องแต่งกายเรียบร้อย ปกปิดมิดชิด ห้ามนุ่งสั้น ห่มสั้น ห้ามดื่ม และนำสุราขึ้นไป ล่าสุด ทางฝ่ายกะเหรี่ยงได้ปรับทำถนนใหม่ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้เดินทางขึ้นไปทำบุญ เนื่องจากในช่วงฤดูฝนที่ผ่านมา ถนนได้รับความเสียหายมาก การเดินทางช่วงนี้ ควรจะประสานกับเจ้าหน้าที่ฝั่งเมียนมาหรือ ควรจะสอบถามเจ้าหน้าที่ทางอำเภอพบพระ หรือชาวบ้านวาเล่ย์ก่อนที่จะขึ้นไปดีที่สุด
