มูลนิธิช่วยเหลือเด็ก และสตรี ในอำเภอแม่สอด บ่นงบบริจาคหดหาย เพราะเศรษฐกิจไม่ดี ขอร้องรัฐช่วยสนันสนุนงบประมาณ เช่นเดียวกับค่ารายหัวเด็กในโรงเรียน ฝ่ายคุ้มครองเด็กพม่าสนใจมาดู
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2562 นางหน่อย หน่อย อู รองผู้อำนวยการด้านการคุ้มครองเด็ก และสตรี ประเทศสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และนายโซโซ ผู้อำนวยการตรวจคนเข้าเมือง รัฐกะเหรี่ยง , ผู้แทนหน่วยต่อต้านการค้ามนุษย์ , ผู้แทนฝ่ายการศึกษา พร้อมด้วยคณะประมาณ 10 คน ได้เดินทางมาที่อำเภอแม่สอด โดยมี นายถิรยุทธ ฉันติกุล รองนายกเทศมนตรีนครแม่สอด , เจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดตาก ให้การต้อนรับ และนำไปที่มูลนิธิช่วยเหลือทางสังคมเพื่อเด็ก และสตรี (ZAW) ที่บ้านค้างภิบาล ตำบลพระธาตุผาแดง อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก โดยมีนายสุรพงษ์ กองจันทึก ประธานมูลนิธิช่วยเหลือทางสังคม เพื่อเด็ก และสตรี กับนางเอหม่า ผู้อำนวยการช่วยเหลือทางสังคมเพื่อเด็ก และสตรี พร้อมด้วยคณะกรรมการมูลนิธิฯลให้การต้อนรับ ทั้งนี้เพื่อศึกษาดูงาน และความเป็นมาของมูลนิธิฯ ที่ได้ช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาส และสตรี ชาวเมียนมา ที่ถูกคุกคาม และถูกทอดทิ้งมาเป็นระยะเวลานานจนถึงปัจจุบัน ซึ่งฝ่ายเมียนมา ได้สอบถามข้อมูลต่างๆ และยินดีให้ความร่วมมือ และประสานการช่วยเหลือเด็ก และสตรี ที่มีปัญหา หลังจากนั้น คณะทั้งหมดของฝ่ายเจ้าหน้าที่เมียนมา ได้ไปพบเด็กภายในมูลนิธิฯ โดยได้ทักทายพูดจากับเด็ก และชักชวนเด็กให้กลับไปประเทศเมียนมา หากมีความพร้อมที่จะกลับไป
นายสุรพงษ์ กล่าวในที่ประชุม ว่า มูลนิธิช่วยเหลือทางสังคมเพื่อเด็ก และสตรี เดิมเป็นศูนย์ช่วยเหลือทางสังคมเพื่อเด็ก และสตรี มาเป็นเวลา 19 ปี มีการช่วยเหลือเด็ก และสตรี ที่ถูกทอดทิ้ง และถูกคุกคาม ตามสถานพยาบาลของรัฐ คลินิกแม่ตาว ของชาวเมียนมาร์ในอำเภอแม่สอด และที่อื่นๆ เนื่องจากเด็ก และสตรีเหล่านี้ไม่มีคนดูแล หากปล่อยไว้ก็จะถูกละเมิด ถูกคุกคาม ต่อมาได้พัฒนามาก่อตั้งเป็นมูลนิธิช่วยเหลือทางสังคมเพื่อเด็ก และสตรี เป็นระยะเวลา 3 ปีที่แล้ว และยังเปิดเป็นศูนย์การเรียนรู้ มีเด็กอยู่ในความดูแลทั้งหมด 135 คน ปัจจุบันนี้ได้รับสัญชาติไทย 54 คน เนื่องจากเป็นเด็กที่เกิดในประเทศไทย เด็กที่ได้รับสัญชาติไทยทั้งหมด ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย เช่นเดียวกับคนไทยทั่วไป ส่วนเด็กที่ยังไม่มีสัญชาติไทย ก็ได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานที่มีอยู่แล้ว เด็กเหล่านี้เป็นกลุ่มแรกของประเทศไทยที่ได้รับสัญชาติไทย ในสังกัดมูลนิธิช่วยเหลือทางสังคมเพื่อเด็ก และสตรี อำเภอแม่สอด ซึ่งทางมูลนิธิฯยังคงให้การช่วยเหลือเด็ก และสตรี ตามแนวชายแดนไทย เมียนมา โดยไม่เลือกปฏิบัติ
นางเอ หม่า กล่าวว่า เป็นการพบกันครั้งแรก ระหว่างทางมูลนิธิฯกับเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับประเทศเมียนมาร์ ในเบื้องต้นเป็นการพูดคุยกัน เชื่อว่าในอนาคตน่าจะมีความร่วมมือกันในการช่วยเหลือดูแลเด็ก และสตรี ร่วมกัน
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า นับเป็นครั้งแรกที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ระดับสูงเมียนมา มาเยี่ยม และจะร่วมกันหาพิจารณาหาพ่อแม่เด็ก และผู้ปกครองมาได้อย่างไรในอนาคต หากยังหาไม่ได้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็พร้อมที่ดูแล โดยไม่ผลักภาระไปให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งดูแล นอกจากนี้ ยังมีแนวคิดร่วมกันที่จะพัฒนามูลนิธิฯ คือเด็กทุกคน ต้องมีเอกสารแสดงตัว อยู่ในประเทศไทยได้ และเด็กทั้งหมดต้องได้รับการศึกษา ได้เรียนทั้งภาษาไทย และภาษาพม่า และจะคุ้มคร้องเด็กเหล่านี้ให้จนถึงขั้นมีครอบครัว
นายสรุพงษ์ กล่าวว่า ยอมรับว่า ที่ผ่านมามีปัญหางบประมาณมาก เพราะเศรษฐกิจไม่ดี งบประมาณที่ได้รับลดลงไปมหาศาล คนเคยบริจาคให้เป็นล้านหายไปหมด แต่อย่างไงเด็กต้องได้กินอาหาร 3 มื้อเหมือนเดิม จึงถึงเวลาแล้วที่ทุกน่วยงานต้องเข้ามาช่วยกัน และอยากให้รัฐบาลควรจัดสรรงบประมาณสนับสนุน เหมือนงบสนับสนุนในโรงเรียนเอกชนทั่วไป เพราะเด็กในมูลนิธิก็ได้รับสัญชาติไทย และได้เรียนหนังสืออยู่แล้ว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: