ทหารรัฐบาลพม่ากับทหารกะเหรี่ยงบีจีเอฟ. ขัดแย้งหนัก พม่าส่งทหารจากส่วนกลาง สนธิกำลังกับกองทัพภาคตะวันออกเฉียงใต้ ยึดรถญี่ปุ่นมือสอง 184 คัน ที่ฝ่ายกะเหรี่ยงคุ้มครองให้กับพ่อค้ารถต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2561 กองกำลังทหารรัฐบาลเมียนมาจากส่วนกลาง และทหารจากกองทัพภาคตะวันออกเฉียงใต้ นำโดยพลเอกเมียววิน ทหารจากส่วนกลาง ได้นำกำลังเข้าตรวจยึดรถยนต์มือสองนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น บริเวณลานจอดรถ ของกองกำลังพิทักษ์ชายแดนบีจีเอฟ.จังหวัดเมียวดี ตรงข้ามบ้านท่าอาจ หมู่ที่ 3 ตำบลท่าสายลวดอำเภอ อ.แม่สอด จังหวัดตาก ซึ่งเป็นท่าเรือที่ 13 คลัง 9 โดยทหารรัฐบาลเมียนมาพร้อมด้วยอาวุธกระจายกำลัง เข้าไปตรวจสอบรถยนต์ที่จอดไว้ทั้งหมด และอ้างว่าเป็นรถผิดกฎหมาย จึงทำการตรวจยึด ทั้งหมด 184 คัน ขณะที่ทหารกองกำลังพิทักษ์ชายแดน ไม่สามารถสกัดกั้นได้ ต้องยอมทหารรัฐบาลยึดรถยนต์ไปทั้งหมด การยึดรถดังกล่าว ส่งผลให้กองกำลังกะเหรี่ยงบีจีเอฟ. ได้เรียกกำลังทหารพร้อมอาวุธเข้าไปพื้นที่ ในลักษณะเตรียมความพร้อม ขณะที่พันเอกหม่อมชิตู่ ผู้บัญชาการ กองบัญชาการควบคุมที่ 3 กองทัพบีจีเอฟ.ได้เข้าไปดูพื้นที่ และทำการเจรจากับฝ่ายทหารรัฐบาลเมียนมา ซึ่งมีทั้งผู้นำกะเหรี่ยงบีจีเอฟ. จากกองบัญชาการ และในพื้นที่ ทั้งนี้เพื่อขอให้ฝ่ายทหารเมียนมาคืนรถให้กับกะเหรี่ยงบีจีเอฟ.ทั้งหมด ฝ่ายเมียนมาร์ไม่ยอม อ่างว่ารถยนต์ทั้งหมดผิดกฎหมาย
แหล่งข่าวฝ่ายทหารกะเหรี่ยงแจ้งว่า การปฏิบัติการของทหารเมียนมา ถือว่าละเมิดข้อตกลงระหว่างฝ่ายชนกลุ่มน้อยกับฝ่ายรัฐบาล จากกรณีการเข้าพื้นที่ของแต่ละฝ่าย ต้องแจ้งฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก่อน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดข้อขัดแย้งระหว่างกองกำลังกะเหรี่ยงบีจีเอฟ.กับทหารรัฐบาลเมียนมา อันจะนำไปสู่การสู้รบได้
นักธุรกิจไทยรายหนึ่ง เปิดเผยว่า รถยนต์ทั้งหมด เป็นรถยนต์มือสอง มาจากประเทศญี่ปุ่น เป็นสินค้าผ่านแดน เมื่อไปถึงชายแดนไทยเมียนมาแล้วจะต้องนำข้ามไปฝั่งเมียนมาทันที ตามพรบ.ศุลกากร 2560 ส่งผลให้พ่อค้าซึ่งเป็นนักธุรกิจชาวปากีสถาน และชาวเมียนมา ที่เป็นผู้ประกอบการค้ารถยนต์มือสองจากประเทศญี่ปุ่น ต้องไปขอเช่าพื้นที่ในเขตอิทธิพลของกะเหรี่ยงบีจีเอฟ. ก่อนที่จะทยอยนำเข้าไปพื้นที่ชั้นในของประเทศเมียนมา การที่ทางทหารเมียนมาตรวจยึดรถยนต์ครั้งนี้ ยังไม่มั่นใจว่าฝ่ายกะเหรี่ยงจะรับผิดชอบหรือไม่ เพราะเรียกเก็บเงินค่าเช่าไปแล้ว
นักธุรกิจไทยยังเปิดเผยว่า การตรวจยึดรถยนต์ จำนวน 184 คัน ส่งผลกระทบต่อนักธุรกิจ ที่ไปลงทุนในเขตประเทศเมียนมา โดยการคุ้มครองของกองกำลังชนกลุ่มน้อย เกิดความหวั่นไหววิตก เช่น การลงทุนพัฒนาเมืองใหม่ ของนักลงทุนจากประเทศจีน มูลค่า 4 พันล้านบาท ที่บ้านโก๊กโก่ ของทหารกะเหรี่ยงบีจีเอฟ. ตรงข้ามบ้านวังผา ตำบลแม่จะเรา อำเภอแม่ระมาด และบ่อนกาสิโนขนาดใหญ่อีกหลายแห่งตามแนวชายแดนไทย – เมียนมาด้านอำเภอแม่สอด ซึ่งมีนักลงทุนไทย เข้าไปลงทุน ในเขตอิทธิพลของกะเหรี่ยง
อย่างไรก็ดีผู้บริหารกองกำลังบีจีเอฟ. ยังคงพยายามเจรจากับ ทหารรัฐบาลเมียนมา ที่กองทัพภาคตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งดูแลรัฐกะเหรี่ยง กับรัฐมอญ
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: