ตร.ตากผู้ต้องหาฆ่าเมียฝังดินทำแผนประกอบการสารภาพ หวิดประชาทันฑ์ ญาติฝ่ายหญิง รวม 30 คน แห่เข้าทำร้าย ตำรวจเอาอยู่
เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2562 พล.ต.ต.ปริญญา วิศิษฐ์ฎากุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตาก , พ.ต.อ.ศักดิ์ดา สังขนิตย์ รองผบก.ภ.ตาก และพ.ต.อ.ธนารักษ์ ปาระมีสา รองผบก.ภ.ตาก พร้อมด้วยนายตำรวจ และเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.วังเจ้า และตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ นำตัวนายนายอนุชา คำพา อายุ 45 ปี ผู้ต้องหาคดี ฆ่านางปราณี อินริมา อายุ 54 ปี เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 62 เพื่อประกอบคำรับสารภาพ ที่ในที่เกิดเหตุ เป็นบ้านกระท่อมหลังเล็กเป็นสวนลำไย หมู่ที่ 4 ตำบลนาโบสถ์ อ.วังเจ้า โดยเริ่มจากจุดแรกที่บ้าน ที่เป็นจุดทะเลาะกันในบ้านจนทำร้ายกันจนถึงแก่ความตาย ถึงจุดที่ฝังศพนางปราณีจุดที่ 2 และย้ายไปยังจุดที่ 3 ห่างบ้านจากจุดแรก 300 เมตร พร้อมทั้งของกลางเป็นไม้ท่อน ที่ใช้ทุบตีนางปราณีจนเสียชีวิต ซึ่งขณะทำแผนนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ 30 นาย ได้ตรีงกำลังกันไม่ให้ญาติๆ ฝ่ายหญิง พร้อมชาวบ้าน ราว 50 คน เข้าไปจุดทำแผนเด็ดขาด โดยขอความร่วมมือ กับทางชาวบ้าน และญาติ และได้รับความร่วมเป็นอย่างดี แต่ในช่วงที่นำตัวไปขึ้นรถเพื่อจะไปทำแผนจากสภ.วังเจ้านั้น กลุ่มชาวบ้าน และญาติผู้ตายประมาณ 20 คน วิ่งเข้าไปหาผู้ต้องหา เพื่อจะทำการประชาทัณฑ์ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ห้ามไว้
พล.ต.ต.ปริญญา กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม 62 หลังจากที่สภ.วังเจ้าได้รับแจ้งจากญาติภรรยาของนายอนุชา ว่า มีผู้ตายมาเข้าฝัน ให้ไปช่วยเหลือถูกฝังไว้ จึงไปที่เกิดเหตุ พบชิ้นส่วนศพ กับ เส้นผม จากนั้นจึงเริ่มทำการสอบสวน และตั้งข้อสงสัยเป็นนายอนุชา สามีนางปราณีที่หายตัวจากบ้านไปอย่างมีพิรุธ พร้อมทำการสอบสวนพยานต่างๆ จนเชื่อว่านายอนุชาคือผู้ก่อเหตุ จึงขออนุมัติต่อศาลจังหวัดตาก และสืบสวนทราบว่า นายอนุชา หนีไปทางจังหวัดยะลา ตำรวจจึงประสานไปยังผู้บังคับบัญชาหน่วยทหารหน่วยทหารพราน ที่จังหวัดยะลา จนสามารถสกัดจับกุมได้
พล.ต.ต.ปริญญา กล่าวว่า จากการสอบสวน ผู้ต้องหาให้การสารภาพ มีการทะเลาะบ่อยครั้ง ในวันเกิดเหตุ ก็มาจากการดื่มสุราแล้วทะเลาะกันไม่หยุด เมื่อกลับมาที่พักทางฝ่ายหญิงไปด่าฝ่ายนายอนุชา จึงเกิดบันดาลโทสะ จึงใช้ไม้ของกลางในที่พักตีไปที่ศรีษะหลายครั้ง และเข้าใจว่านางปราณีคงนอนหลับไปเฉยๆ พอรุ่งเช้ามา จึงทราบว่า เสียชีวิต และกลัวความผิด จึงเอาศพนางปราณีไปฝัง บริเวณเพิงที่พักจุดแรก และต่อมาสุนัขที่บ้านไปคุ้ยศพจนมีชิ้นส่วนออกมา นายอนุชาจึงย้ายศพไปยังจุดที่ 2 ซึ่งคดีนี้ ทางตำรวจได้ทั้งพยานบุคคลหลายปาก และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ และเป็นคดีที่ไม่ซับซ้อนอะไร
